คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 332/2531

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยรับจ้างผู้เสียหายทำงานบ้านและเลี้ยงดูเด็กหญิง ส. อาย ุ9 เดือนบุตรของผู้เสียหาย ต่อมาจำเลยได้เอาตัวเด็กหญิง ส.ไปเพื่อให้ได้มาซึ่งค่าไถ่ ผู้เสียหายทราบเรื่องจึงพาเจ้าพนักงานตำรวจตามไป พบเด็กหญิง ส. นอนอยู่ในเปลที่ใต้ถุนบ้านหลังหนึ่ง ขณะนั้นจำเลยยืนบังเสาอยู่และได้เดินออกมาผู้เสียหายอุ้มเด็กหญิง ส. ขึ้นจากเปล พาบุตรสาวพร้อมทั้งจำเลยกลับบ้านดังนี้ถือไม่ได้ว่าจำเลยได้จัดให้ผู้ถูกเอาตัวไปได้รับเสรีภาพก่อนศาลชั้นต้นพิพากษาอันจะได้รับประโยชน์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 316 เพราะการจัดให้ผู้ถูกเอาตัวไปให้ได้รับเสรีภาพตามมาตรา 316 นั้น จะต้องเป็นการกระทำของผู้กระทำผิดคือจำเลย หรือผู้ที่ร่วมกระทำผิดกับจำเลย แต่กรณีนี้เป็นเรื่องผู้เสียหายตามไปพบและอุ้มเอาบุตรสาวมาเอง จำเลยมิได้กระทำการใด

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๑๐, ๓๑๓
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๓๑๐, ๓๑๓ การกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียว ผิดกฎหมายหลายบท ลงโทษบทหนักตามมาตรา ๓๑๓ ประกอบด้วยมาตรา ๓๑๖ ลดมาตราส่วนโทษให้ตามมาตรา ๗๖ กึ่งหนึ่ง จำคุก ๓ ปี ๙ เดือน ลดโทษตามมาตรา ๗๘ กึ่งหนึ่ง คงจำคุก ๑ ปี ๑๐ เดือน ๑๕ วัน รอการลงโทษไว้มีกำหนด ๒ ปี
โจทก์และโจทก์ร่วมอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า จำเลยไม่ได้รับประโยชน์จากประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๑๖ พิพากษาแก้เป็นว่าจำคุก ๓ ปี ๙ เดือน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า ผู้เสียหายมีบุตรสาวชื่อเด็กหญิงสุทธาศินี อายุ ๙ เดือน ได้จ้างจำเลยทำงานบ้านและเลี้ยงดูบุตรสาว ต่อมาจำเลยได้เอาตัวเด็กหญิงสุทธาศินีไปเพื่อให้ได้มาซึ่งค่าไถ่ ผู้เสียหายรู้เรื่องจึงได้พาเจ้าพนักงานตำรวจตามไป พบเด็กหญิงสุทธาศินีนอนอยู่ในเปลที่ใต้ถุนบ้านหลังหนึ่ง ขณะนั้นจำเลยยืนบังเสาอยู่และได้เดินออกมา ผู้เสียหายอุ้มเด็กหญิงสุทธาศินีขึ้นจากเปล พาบุตรสาวพร้อมจำเลยกลับบ้าน และวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า การจัดให้ผู้ถูกเอาตัวไปให้ได้รับเสรีภาพตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๑๖ นั้น ต้องเป็นการกระทำของผู้กระทำผิดคือจำเลย หรือผู้ที่ร่วมกระทำผิดกับจำเลย แต่กรณีนี้เป็นเรื่องผู้เสียหายตามไปพบและอุ้มเอาบุตรสาวมาเอง จำเลยมิได้กระทำการใด ถือไม่ได้ว่าจำเลยได้จัดให้ผู้ถูกเอาตัวไปได้รับเสรีภาพก่อนศาลชั้นต้นพิพากษา อันจะได้รับประโยชน์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๑๖ จึงทำให้โทษที่จำเลยได้รับเกินกว่า ๒ ปี ไม่อาจจะรอการลงโทษได้ แต่ที่ศาลอุทธรณ์มิได้แก้บทมาตรา ๓๑๖ ที่ศาลชั้นต้นปรับบทไว้เป็นการไม่ถูกต้อง และที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๑๐, ๓๑๓ โดยมิได้ระบุวรรคใดนั้น ศาลฎีกาเห็นสมควรระบุเสียให้ถูกต้อง
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๑๐ วรรคแรก, ๓๑๓ วรรคแรก เป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษบทหนักตามมาตรา ๓๑๓ วรรคแรก นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share