แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยซึ่งมีหน้าที่เป็นพนักงานขายสินค้าของบริษัทจำกัดได้ทำปลอมสัญญาเช่าซื้อในนามบริษัทขึ้นทั้งฉบับ โดยกรอกข้อความลงในแบบฟอร์มของบริษัทและปลอมลายมือชื่อของบุคคลที่ระบุทั้งสี่คนขึ้นเป็นคู่สัญญากับบริษัท อันเป็นการเสียหายแก่บริษัทและคู่สัญญาที่จำเลยปลอมลายมือนั้น ต่อมาจำเลยได้ใช้สัญญาเช่าซื้อที่ปลอมนั้นมอบให้คนอื่นนำไปอ้างเพื่อขอเบิกเงินล่วงหน้า อันจะเกิดความเสียหายแก่บริษัทและผู้จัดการบริษัท ดังนี้เป็นฟ้องที่ครบองค์ความผิดฐานปลอมและใช้เอกสารปลอม โดยได้บรรยายการกระทำผิดของจำเลย และมีรายละเอียดเกี่ยวกับวันเวลาสถานที่กระทำผิดรวมทั้งบุคคลและสิ่งของที่เกี่ยวข้องในการกระทำผิดพอสมควรที่จำเลยจะเข้าใจข้อหาได้ดีแล้วฟ้องของโจทก์จึงสมบูรณ์ถูกต้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 158(5) โดยไม่จำเป็นต้องบรรยายว่า เป็นสัญญาเช่าซื้อทรัพย์สินอะไรมีราคาเท่าใด และไม่ต้องแนบสัญญาหรือสำเนามาพร้อมฟ้องอย่างคดีแพ่ง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเป็นพนักงานของบริษัทเฟดเดอราลพับลิเคชั่นจำกัด หน้าที่พนักงานขายสินค้า มีรายได้จากเปอร์เซ็นต์ขายสินค้าได้กระทำผิดกฎหมาย คือ เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม ถึงวันที่ 18 สิงหาคม 2510 จำเลยได้บังอาจทำปลอมสัญญาเช่าซื้ออันเป็นเอกสารสิทธิทั้งฉบับในนามบริษัทกับนายกำจาย เอี่ยมสุรีย์ และคนอื่นอีก 4 คน โดยจำเลยกรอกข้อความลงในแบบฟอร์มของบริษัท และปลอมลายมือชื่อบุคคลดังกล่าวเป็นคู่สัญญาโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่บริษัทและคู่สัญญาที่จำเลยปลอมลายมือชื่อ เพื่อให้บริษัทและผู้ที่พบเห็นหลงเชื่อว่าเป็นเอกสารสัญญาเช่าซื้อที่แท้จริง
วันที่ 18 สิงหาคม 2510 เวลากลางวัน จำเลยบังอาจใช้อ้างเอกสารสัญญาเช่าที่จำเลยทำปลอมทั้ง 4 ฉบับ ต่อนายจิม เลียวนาร์ดเชอร์ลี่ ผู้จัดการบริษัทว่าเป็นสัญญาที่แท้จริง โดยมอบให้นายสุพจน์น้องจำเลยไปใช้อ้างเพื่อขอเบิกเงินล่วงหน้าในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่บริษัท ฯ และนายจิม เลียวนาร์ดเชอร์ลี่ ขอให้ลงโทษจำเลย
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 572 ได้บัญญัติถึงลักษณะของสัญญาเช่าซื้อ แต่ฟ้องของโจทก์มิได้บรรยายถึงทรัพย์สินอันเป็นวัตถุแห่งสัญญาเช่าซื้อว่าเป็นทรัพย์อะไรราคาเท่าใด มิได้แนบสัญญาเช่าซื้อมากับฟ้องให้จำเลยทราบฟ้อง จึงไม่มีรายละเอียดเกี่ยวกับสิ่งของที่เกี่ยวข้องด้วยพอสมควรเท่าที่จะทำให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดี ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5) และฟ้องที่ว่าจำเลยมอบให้นายสุพจน์น้องจำเลยไปใช้อ้างเพื่อขอเงินล่วงหน้า โจทก์ก็มิได้บรรยายว่าเป็นค่าอะไร จำนวนเท่าใด ฟ้องจึงเคลือบคลุม พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ฟ้องของโจทก์สมบูรณ์ตามกฎหมาย พิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปตามกระบวนความ
จำเลยฎีกาว่า ฟ้องของโจทก์เคลือบคลุม
ศาลฎีกาเห็นว่า ฟ้องของโจทก์ครบองค์ความผิดฐานปลอมและใช้เอกสารปลอม โดยได้บรรยายการกระทำผิดของจำเลย และมีรายละเอียดเกี่ยวกับวันเวลาและสถานที่กระทำผิด รวมทั้งบุคคลและสิ่งของที่เกี่ยวข้องในการกระทำผิดพอสมควรที่จำเลยจะเข้าใจข้อหาได้ดีแล้ว ฟ้องของโจทก์สมบูรณ์ถูกต้องตามกฎหมายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5) โจทก์ไม่จำเป็นต้องบรรยายว่าเป็นสัญญาเช่าซื้อทรัพย์สินอะไรมีราคาเท่าใด และไม่ต้องแนบสัญญาเช่าซื้อหรือสำเนามาพร้อมฟ้องอย่างคดีแพ่ง สารสำคัญแห่งข้อหานี้จึงอยู่ที่ว่าเป็นเอกสารอะไร จำเลยทำปลอมและใช้เอกสารปลอมนั้นด้วยวิธีอย่างไร และน่าจะเกิดความเสียหายแก่ใครบ้าง ซึ่งโจทก์ได้บรรยายไว้ในฟ้องครบถ้วนแล้ว
พิพากษายืน