คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 332/2479

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องผู้กู้แลผู้ค้ำประกัน ผู้กู้ขาดนัดยื่นคำให้การ ผู้ค้ำประกันมาทำยอมความต่อศาล ๆ ได้พิพากษาให้เป็นไปตามยอมแล้ว และจัดการยึดทรัพย์ผู้ค้ำประกันได้ไม่พอดังนี้ โจทก์มาฟ้องเรียกเงินที่ขาดจากผู้กู้ได้อีก ไม่นับว่าผู้กู้ได้หลุดพ้นความรับผิด และไม่นับว่าเป็นคดีเสร็จเด็ดขาดแล้ว

ย่อยาว

โจทก์ยื่นฟ้องเรียกเงินกู้จากจำเลยในจำนวนที่ค้างชำระ
ทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยได้กู้เงินโจทก์จริง โจทก์ได้ฟ้องจำเลยนี้กับผู้ค้ำประกันเป็นจำเลยร่วมกันมาครั้ง 1 แล้วแต่ในคดีนั้น จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ ผู้ค้ำประกันผู้เดียวมาแก้คดีแลทำยอมใช้เงินแก่โจทก์ ศาลพิพากษาให้เป็นไปตามยอมแล้วโจทก์ยึดทรัพย์ผู้ค้ำประกันได้ไม่พอจึงกลับมาฟ้องจำเลยในคดีนี้
ศาลชั้นต้นเห็นว่าคดีเสร็จเด็ดขาดแล้วโจกท์ฟ้องจำเลยอีกไม่ได้
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ลูกหนี้กับผู้ค้ำประกันต่างมีความรับผิดต่อเจ้าหนี้ด้วยกันในคดีก่อนผู้ค้ำประกันผู้เดียวทำยอมรับใช้หนี้แก่โจทก์ ทั้งมิได้แสดงให้เห็นว่าโจทก์สละสิทธิเรียกร้องจากจำเลย การยอมความก็เป็นการฉะเพาะตัวผู้ค้ำประกัน จะถือว่าสัญญานั้นเป็นสัญญาแปลงหนี้ใหม่ปลดเปลื้องหนี้สินจากจำเลยไม่ได้ และคดีก็เป็นการเสร็จเด็ดขาดฉะเพาะนายเยื้อน จึงพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ ให้จำเลยใช้เงินแก่โจทก์

Share