แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องจำเลยที่1ซึ่งเป็นนิติบุคคลกับจำเลยที่2ซึ่งเป็นผู้จัดการที่มีอำนาจกระทำการแทนจำเลยที่1ให้เปิดทางพิพาทเป็นทางจำเป็นเพื่อออกสู่ทางสาธารณะอันเป็นการฟ้องบังคับให้จำเลยที่1กระทำการหรืองดเว้นการกระทำในที่ดินของจำเลยที่1เพื่อประโยชน์ของที่ดินของโจทก์ส่วนผู้ร้องสอดทั้งสี่เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ห้องชุดและมีกรรมสิทธิ์ร่วมในทางเข้าออกพิพาทตลอดจนสถานที่ต่างๆในสิ่งปลูกสร้างและที่ดินของจำเลยที่1อันเป็นทรัพย์สินส่วนกลางของจำเลยที่1ดังนี้แม้ผู้ร้องสอดทั้งสี่มีสิทธิดังกล่าวแต่ผู้ร้องสอดทั้งสี่ก็หาได้มีหน้าที่ต้องกระทำการหรืองดเว้นกระทำการใดๆตามคำฟ้องของโจทก์ไม่เพราะผู้ร้องสอดทั้งสี่ไม่มีอำนาจจัดการใดๆตามพระราชบัญญัติอาคารชุดพ.ศ.2522แม้ศาลจะพิพากษาให้โจทก์เป็นฝ่ายชนะคดีผู้ร้องสอดทั้งสี่ก็ไม่มีส่วนได้เสียตามกฎหมายในผลแห่งคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา57(2)กรณีจึงไม่มีเหตุสมควรอนุญาตให้ผู้ร้องสอดทั้งสี่เข้ามาเป็นจำเลยร่วมในคดี
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันรื้อถอนกำแพงเหล็กและสิ่งกีดขวางทางเข้าออกในที่ดินโฉนดเลขที่่ 5853 ตำบลสวลลุมพินี (บางกะปิฝั่งใต้) อำเภอปทุมวัน(บางกะปิ) กรุงเทพมหานคร ของจำเลยที่ 1 เพื่อเปิดทางจำเป็นให้แก่ที่ดินโฉนดเลขที่ 5854 ของโจทก์
จำเลยทั้งสองให้การว่า ที่ดินของโจทก์ยังมีทางอื่นที่สามารถผ่านเข้าออกทางสาธารณะได้ ไม่มีความจำเป็นต้องผ่านที่ดินของจำเลยที่ 1 ขอให้ยกฟ้อง
ระหว่างพิจารณา ผู้ร้องสอดทั้งสี่ยื่นคำร้องขอเข้าเป็นจำเลยร่วมอ้างว่ามีส่วนได้เสียตามกฎหมายในผลแห่งคดี เนื่องจากผู้ร้องสอดทั้งสี่เป็นเจ้าของห้องชุดและมีกรรมสิทธิ์ร่วมในทางพิพาท
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วมีคำสั่งว่า ผู้ร้องสอดทั้งสี่ไม่มีส่วนได้เสียในคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 57(2)จึงไม่อนุญาต
ผู้ร้องสอด ทั้ง สี่ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืน
ผู้ร้องสอด ทั้ง สี่ ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า สมควรอนุญาตให้ผู้ร้องสอดทั้งสี่เข้าเป็นจำเลยร่วมในคดีนี้หรือไม่ เห็นว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1ซึ่งเป็นนิติบุคคลกับจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นผู้จัดการที่มีอำนาจกระทำการแทนจำเลยที่ 1 ให้เปิดทางพิพาทเป็นทางจำเป็นเพื่อออกสู่ทางสาธารณะ อันเป็นการฟ้องบังคับให้จำเลยที่ 1กระทำการหรืองดเว้นการกระทำในที่ดินของจำเลยที่ 1เพื่อประโยชน์ของที่ดินของโจทก์ ส่วนผู้ร้องสอดทั้งสี่อ้างว่าผู้ร้องสอดทั้งสี่เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ห้องชุดและมีกรรมสิทธิ์ร่วมในทางเข้าออกพิพาท ตลอดจนสถานที่ต่าง ๆ ในสิ่งปลูกสร้างและที่ดินของจำเลยที่ 1 อันเป็นทรัพย์สินส่วนกลางของจำเลยที่ 1ดังนี้ แม้ข้อเท็จจริงจะฟังได้ว่า ผู้ร้องสอดทั้งสี่มีสิทธิดังกล่าวแต่ผู้ร้องสอดทั้งสี่ก็หาได้มีหน้าที่ต้องกระทำการหรืองดเว้นกระทำการใด ๆ ตามคำฟ้องของโจทก์ไม่เพราะผู้ร้องสอดทั้งสี่ไม่มีอำนาจจัดการใด ๆ ตามพระราชบัญญัติอาคารชุด พ.ศ. 2522 แม้ศาลจะพิพากษาให้โจทก์เป็นฝ่ายชนะคดี ผู้ร้องสอดทั้งสี่ก็ไม่มีส่วนได้เสียตามกฎหมายในผลแห่งคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 57(2) กรณีจึงไม่มีเหตุสมควรอนุญาตให้ผู้ร้องสอดทั้งสี่เข้ามาเป็นจำเลยร่วมในคดี
พิพากษายืน