แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
พันตำรวจโท ธ. เป็นโจทก์ฟ้องจำเลยฐาน ผิดสัญญาประกันและเป็น พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจเดียวกันกับพันตำรวจโท ป. ผู้รับสัญญาประกัน ต่าง ปฏิบัติราชการในตำแหน่งหน้าที่ พนักงานสอบสวนด้วยกันไม่ใช่ ทำแทนกันจึงมี อำนาจฟ้องคดีได้
ย่อยาว
โจทก์ ฟ้อง ว่า โจทก์ มี คำสั่ง ปรับ จำเลย ตาม สัญญาประกัน เป็น เงิน200,000 บาท และ มี หนังสือ แจ้ง ให้ จำเลย นำ เงิน ค่าปรับ ไป ชำระให้ แก่ โจทก์ ภายใน วันที่ 16 กันยายน 2530 จำเลย ทราบ แล้ว เพิกเฉยโจทก์ ทวงถาม ให้ จำเลย ชำระ เงิน ค่าปรับ อีก ครั้ง จำเลย ยัง คง เพิกเฉยขอให้ บังคับ จำเลย ชำระ เงิน จำนวน 200,000 บาท พร้อม ดอกเบี้ยอัตรา ร้อยละ เจ็ด ครึ่ง ต่อ ปี นับแต่ วันฟ้อง ไป จนกว่า จะ ชำระ เสร็จแก่ โจทก์
จำเลย ให้การ และ ฟ้องแย้ง ว่า พันตำรวจโท ธงชัย สุขสนิท มิได้ เป็น คู่ สัญญา กับ จำเลย ตาม สัญญาประกัน โจทก์ จึง ไม่มี อำนาจฟ้องพันตำรวจโท ประพงษ์ ได้ แจ้ง ต่อ จำเลย ว่า นาย สุวัฒไชย์ ต้อง หา ใน คดี อื่น อีก ให้ จำเลย นำ หลักทรัพย์ ไป เพิ่ม จำเลย จึง นำ โฉนด ที่ดินเลขที่ 16046 ตำบล หนองเพรางาย อำเภอไทรน้อย จังหวัด นนทบุรี โฉนด ที่ดินพิพาท มอบ ให้ พันตำรวจโท ประพงษ์ เพื่อ เป็น หลักประกัน เพิ่มเติม พันตำรวจโท ประพงษ์ ให้ จำเลย ลงลายมือชื่อ ใน แบบพิมพ์ คำร้องขอ ประกัน และ สัญญาประกัน ที่ ยัง มิได้ กรอก ข้อความ เพื่อ นำ ไปทำ เป็น คำร้องขอ เพิ่ม หลักประกัน ใน การ ประกันตัว นาย สุวัฒไชย์ แต่ พันตำรวจโท ประพงษ์ กลับ นำ แบบพิมพ์ ดังกล่าว ไป กรอก ข้อความ ว่า จำเลย ยื่น คำร้องขอ ประกัน นาย ดำรงค์ แล้ว ทำ สัญญาประกัน นาย ดำรงค์ ไว้ แก่ โจทก์ โดย มี โฉนด ที่ดินพิพาท เป็น หลักประกัน มี เงื่อนไขว่า หาก จำเลย ผิดสัญญา ไม่นำ นาย ดำรงค์ มา ส่ง ตาม กำหนด จำเลย ยินยอม ชำระ เงิน จำนวน 200,000 บาท อัน ผิด จาก วัตถุประสงค์ และเจตนา อัน แท้จริง ของ จำเลย สัญญาประกัน จึง ไม่ผูกพัน จำเลย ต่อมาเมื่อ จำเลย ทราบ ความจริง แล้ว จำเลย ได้ แจ้ง ยกเลิก คำร้องขอ ประกันและ สัญญาประกัน ต่อ โจทก์ และ ขอ โฉนด ที่ดินพิพาท คืน แต่ โจทก์ ไม่คืน ให้จำเลย ไม่เคย ได้รับ หนังสือ แจ้ง ให้ ส่ง นาย ดำรงค์ และ ให้ ชำระ ค่าปรับ ตาม สัญญาประกัน ขอให้ ยกฟ้อง และ บังคับ ให้ โจทก์ คืน โฉนด ที่ดินพิพาท แก่ จำเลย
โจทก์ ให้การ แก้ฟ้อง แย้ง ว่า จำเลย ทำ สัญญาประกัน ด้วย ความสมัครใจ ไม่ได้ ทำ ไป โดย สำคัญผิด ใน สาระสำคัญ แห่ง สัญญาประกันทั้ง ทำ สัญญาประกัน โดย มิได้ เกิดจาก การ ฉ้อฉล หรือ ข่มขู่ ของ โจทก์ขอให้ ยกฟ้อง แย้ง
ศาลชั้นต้น พิพากษา ให้ จำเลย ชำระ เงิน จำนวน 200,000 บาท พร้อมดอกเบี้ย อัตรา ร้อยละ เจ็ด ครึ่ง ต่อ ปี นับแต่ วันฟ้อง ไป จนกว่า จะชำระ เสร็จ แก่ โจทก์ ยกฟ้อง แย้ง ของ จำเลย
จำเลย อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืน
จำเลย ฎีกา
ศาลฎีกา วินิจฉัย ว่า “ที่ จำเลย ฎีกา ว่า พันตำรวจโท ธงชัย สุขสนิท สารวัตร ใหญ่ สถานีตำรวจนครบาล บางกอกใหญ่ มีอำนาจ หน้าที่ เกี่ยวกับ การ สอบสวน และ สั่ง ใน เรื่อง ประกันตัว ผู้ต้องหา แต่ ไม่มี หน้าที่ฟ้องคดี หรือ บังคับคดี เอา แก่ นายประกัน ที่ ผิดสัญญา ประกัน ทั้ง ไม่ใช่คู่สัญญา กับ จำเลย และ มา ดำรง ตำแหน่ง สารวัตร ใหญ่ ใน ขณะ ฟ้องคดี นี้ไม่มี อำนาจ ดำเนินคดี แก่ จำเลย กรณี ผิดสัญญา ประกัน แทน สารวัตร ใหญ่หรือ สารวัตร ผู้ทำการ แทน สารวัตร ใหญ่ ใน ขณะ ทำ สัญญาประกัน นั้นเห็นว่า พนักงานสอบสวน มี หน้าที่ รับคำ ร้องขอ ประกัน ผู้ต้องหาที่ ถูก ควบคุม อยู่ ยัง มิได้ ถูก ฟ้อง ต่อ ศาล และ เป็น ผู้พิจารณา สั่ง คำร้องแล้ว ให้ ผู้ร้อง ทำ สัญญาประกัน ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 106, 107 และ 112 พนักงานสอบสวน จึง เป็น เจ้าพนักงานตาม ที่ กฎหมาย ให้ อำนาจ ไว้ ย่อม เป็น โจทก์ ฟ้องคดี ได้ คดี นี้พันตำรวจโท ประพงษ์และพันตำรวจโทธงชัย เป็น พนักงานสอบสวน สถานี ตำรวจ นครบาล บางกอกใหญ่ คนหนึ่ง เป็น ผู้รับ สัญญาประกัน อีก คนหนึ่ง เป็น โจทก์ ฟ้อง จำเลย ฐาน ผิดสัญญา ประกัน ต่าง ทำ ใน ตำแหน่ง หน้าที่พนักงานสอบสวน เป็น การกระทำ ของ บุคคล ใน ตำแหน่ง หน้าที่ เดียว กันนั่นเอง ไม่ใช่ ทำแทน กัน และ หน้าที่ ปฏิบัติ ดังกล่าว เป็น อำนาจ ตามตำแหน่ง หน้าที่ ซึ่ง กฎหมาย กำหนด ไว้ ฟ้องคดี นี้ ระบุ ตำแหน่ง หน้าที่พนักงานสอบสวน สถานีตำรวจนครบาล บางกอกใหญ่ และ ระบุ นาม พันตำรวจโท ธงชัย เป็น คู่ความ ย่อม มีอำนาจ ฟ้อง ได้ ฎีกา ข้อ นี้ ของ จำเลย ฟังไม่ขึ้น ฎีกา ข้อ อื่น ของ จำเลย แม้ จะ วินิจฉัย ก็ ไม่ทำ ให้ผล แห่ง คดี เปลี่ยนแปลง จึง ไม่จำเป็น ต้อง วินิจฉัย ที่ ศาลอุทธรณ์พิพากษา มา นั้น ชอบแล้ว ”
พิพากษายืน