แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ผู้ตายอาละวาดไล่ทำร้ายภริยาจำเลยจนหลบหนีไปแล้ว จำเลยกำลัง จะรับประทานข้าว ผู้ตายได้มายืนร้องเรียกที่ข้างบ้านให้จำเลยออกมาเดี๋ยวนี้จำเลยก็เดินออกมาที่ชานบ้าน ผู้ตายเดินมาถึงหน้าบันไดบ้านพูดว่าวันนี้กูจะลุยมึงและจัดการกับมึงวันนี้จำเลยก็ว่าจะมาจัดการอะไรกัน ไม่เคยทำอะไรผิดผู้ตายก็พูดอีกว่าวันนี้กูต้องเอามึงแน่ จำเลยยกมือไหว้พูดว่า ไม่สู้พี่หรอก มีบุตรและภริยา ถ้าตายไปใครจะเลี้ยง ผู้ตายก็วิ่งขึ้นบันไดตรงเข้าชกต่อยจำเลย จำเลยจึงล้วงมีดพกปลายแหลมจากกระเป๋ากางเกงแทงผู้ตาย1ทีถูกบริเวณลำคอ ผู้ตายเดินเซลงบันไดไป จำเลยได้วิ่งตามไปแทงผู้ตายอีก 2-3 ครั้ง ถือได้ว่าจำเลยได้กระทำแก่ผู้ตายไปเพราะถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมเป็นการกระทำความผิดโดยบันดาลโทสะตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 72
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยได้ใช้มีดปลายแหลมเป็นอาวุธแทงประทุษร้ายร่างกายนายสตี หมวดเชียงคะ ผู้ตาย หลายครั้งโดยมีเจตนาฆ่า และผู้ตายได้ถึงแก่ความตายเนื่องจากบาดแผลที่ถูกจำเลยแทง ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพาทว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘ จำคุก ๒๐ ปี จำเลยให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้าง มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ หนึ่งในสี่ คงจำคุก ๑๕ ปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๒๘๘, ๗๒ จำคุก ๘ ปี จำเลยให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ หนึ่งในสี่ คงจำคุก ๖ ปี
โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกาขอให้ยกฟ้อง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปัญหามีว่าจำเลยได้กระทำความผิดตามฟ้องหรือไม่ ศาลฎีกาเชื่อว่าจำเลยได้ใช้มีดพกปลายแหลมเป็นอาวุธแทงฆ่าผู้ตายจริง แต่โจทก์ไม่มีประจักษ์พยานรู้เห็นในขณะเกิดเหตุ คงฟังได้ตามคำเบิกความของนางทำ แก้วตาสาม ภริยาจำเลยว่าผู้ตายอาละวาดไล่ทำร้าย นางทำได้วิ่งหนีไป แล้วได้ความจากคำให้การในชั้นสอบสวนของจำเลยตามเอกสารหมาย จ.๗ ว่าจำเลยกำลังจะรับประทานข้าว ผู้ตายมายืนร้องเรียกที่ข้างบ้านให้จำเลยออกมาเดี๋ยวนี้ จำเลยก็เดินออกมาที่ชานบ้าน เห็นผู้ตายเดินมาถึงหน้าบันไดบ้านพูดว่าวันนี้กูจะลุยมึงและจัดการกับมึงวันนี้ จำเลยก็ว่า จะมาจัดการอะไรกัน ไม่เคยทำอะไรผิด ผู้ตายก็พูดอีกว่า วันนี้กูต้องเอามึงแน่ จำเลยยกมือไหว้พูดว่าไม่สู้พี่หรอก มีบุตรและภริยา ถ้าตายไปใครจะเลี้ยง ผู้ตายก็วิ่งขึ้นบันไดตรงเข้าชกต่อยจำเลย จำเลยจึงล้วงมีดพกปลายแหลมจากกระเป๋า กางเกงแทงผู้ตาย ๑ ทีถูกบริเวณลำคอ ผู้ตายเดินเซลงบันไดไป จำเลยได้วิ่งตามไปแทงผู้ตายอีก ๒-๓ ครั้ง ถือได้ว่าจำเลยได้กระทำแก่ผู้ตายไปเพราะถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมเป็นการกระทำความผิดโดยบันดาลโทสะตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๒ ดังที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยไว้
พิพากษายืน.