แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การมีกัญชาไว้ในครอบครองเป็นความผิดและกำหนดโทษไว้ กัญชาและเมล็ดกัญชาก็คือกัญชาตามพระราชบัญญัติดังกล่าวนั่นเอง ดังนั้น การที่จำเลยมีกัญชาและเมล็ดกัญชาในขณะเดียวกัน อันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ จึงเป็นการกระทำผิดเพียงกรรมเดียว
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ ๑๑ กรกฎาคม ๒๕๒๒ เวลากลางวัน จำเลยบังอาจมีกัญชาแห้ง ๑ ถุง หนัก ๕๐ กรัม และเมล็ดกัญชา ๑ ถุง หนัก ๕๐ กรัม ซึ่งเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท ๕ ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๕๒๒ ไว้ในครอบครองโดยฝ่าฝืนกฎหมายและโดบไม่ได้รับอนุญาต เจ้าพนักงานจับจำเลยได้พร้อมด้วยกัญชาและเมล็ดกัญชาเป็นของกลางขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๓,๔,๗,๘,๙,๑๓,๒๖,๗๖,๑๐๒,๑๐๓ และริบของกลาง
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๓,๔,๗,๘,๙,๑๓,๒๖,๗๖,๑๐๒,๑๐๓ ลงโทษฐานมีกัญชาไว้ในครอบครองจำคุก ๖ เดือน ฐานมีเมล็ดกัญชา ๖ เดือน รวมจำคุก ๑ ปี จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ คงจำคุก ๖ เดือน ของกลางริบ
จำเลยอุทธรณ์ ขอให้รอการลงโทษ
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า เป็นการกระทำผิดเพียงกรรมเดียว พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๗๖ จำคุก ๖ เดือน จำเลยให้การรับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ คงจำคุก ๓ เดือน นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่โจทก์ฎีกาว่าการที่จำเลยมีกัญชาและเมล็ดกัญชาไว้ในความครอบครองต้องถือว่าเป็นความผิดสองกรรม จะต้องรับโทษแยกต่างหากจากกันนั้นศาลฎีกาเห็นว่า ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๕๒๒ บัญญัติเพียงว่า การมีกัญชาไว้ในครอบครองเป็นความผิดและกำหนดโทษไว้ กัญชาและเมล็ดกัญชาก็คือกัญชาตามพระราชบัญญัติดังกล่าวนั่นเอง ดังนั้น การที่จำเลยมีกัญชาและเมล็ดกัญชาในขณะเดียวกันอันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ จึงเป็นการกระทำผิดเพียงกรรมเดียว ที่โจทก์ฎีกาอีกว่า ตามพระราชบัญญัติกัญชา พ.ศ. ๒๔๗๗ ได้แยกความผิดการมีกัญชาไว้ในมาตรา ๗ และได้แยกการมีพันธุ์กัญชาไว้ในมาตรา ๕ ซึ่งมีโทษมาตรา ๙ และมาตรา ๑๐ แตกต่างกัน ต้องถือว่าเป็นความผิดสองกรรมนั้น เห็นว่าพระราชบัญญัติกัญชา พ.ศ. ๒๔๗๗ ที่โจทก์ยกขึ้นมาเป็นข้อฎีกานี้ ได้ถูกยกเลิกไปแล้วโดยพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๕๒๒ จึงจะนำมาเป็นหลักวินิจฉัยในคดีนี้ไม่ได้
พิพากษายืน.