คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3314/2545

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

จำเลยกระทำความผิดฐานยึดถือครอบครองที่ดินของรัฐ ซึ่งเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ประชาชนใช้ร่วมกัน และฐานทำให้เสียทรัพย์ที่ใช้และมีไว้เพื่อสาธารณประโยชน์ ซึ่งเป็นการกระทำกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท เมื่อลงโทษฐานทำให้เสียทรัพย์ที่ใช้และมีไว้เพื่อสาธารณประโยชน์ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 360 ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดแล้วจึงไม่อาจอาศัยบทเบาตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 108 ทวิ วรรคสอง มาบังคับให้จำเลยและบริวารออกจากที่ดินซึ่งจำเลยเข้าไปยึดถือครอบครองตามที่โจทก์ขอได้ เพราะประมวลกฎหมายอาญามาตรา 360 ไม่ได้บัญญัติข้อบังคับดังกล่าวไว้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยบุกรุกเข้าไปยึดถือครอบครองคลองสาธารณะซึ่งเป็นคลองสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ประชาชนใช้ร่วมกัน และเป็นคลองของรัฐที่มีชื่อที่ประชาชนทั่วไปเรียกว่า คลองควาย มีความกว้างตลอดลำคลองประมาณ 5 ถึง 8 เมตรมีความยาวประมาณ1,200 เมตร อยู่ในท้องที่หมู่ที่ 3 ตำบลลานตากฟ้า อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม โดยจำเลยเข้าไปยึดถือครอบครองคลองควายกว้างประมาณ 5 ถึง 8เมตร ยาวตลอดลำคลองประมาณ 75.30 เมตร โดยใช้เสาคอนกรีตปักปิดขวางลำคลองควายจำนวน 3 ต้น และได้ปักเสาคอนกรีตปิดขวางลำคลองอีกจำนวน 3 ต้นห่างจากจุดแรกยาวมาตามลำคลองประมาณ 75.30 เมตร ทำให้ประชาชนไม่สามารถใช้ประโยชน์สัญจรไปมาในคลองควายเพื่อออกสู่แม่น้ำนครชัยศรี อันเป็นคลองสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่มีไว้เพื่อสาธารณประโยชน์นั้นได้อันเป็นการทำให้คลองควายสาธารณประโยชน์นั้นเสียหาย ทำลาย ทำให้เสื่อมค่า ทำให้ไร้ประโยชน์ซึ่งทรัพย์ที่ใช้หรือมีไว้เพื่อสาธารณประโยชน์ดังกล่าว โดยจำเลยมิได้มีสิทธิครอบครองและมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 9, 108, 108 ทวิ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 360 ริบเสาคอนกรีตจำนวน 6 ต้น ที่ปักอยู่ในที่เกิดเหตุและให้จำเลยและบริวารของจำเลยออกจากที่คลองควายซึ่งจำเลยเข้าไปยึดครอบครองรวมทั้งรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกจากที่ดังกล่าว

จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายที่ดินมาตรา 108 ทวิ วรรคสอง ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 360 เป็นการกระทำกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 360 ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุก2 เดือน และปรับ 4,000 บาท ไม่ปรากฏว่าจำเลยเคยต้องโทษจำคุกมาก่อน โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 1 ปี หากไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 ริบเสาคอนกรีต 6 ต้น ที่ปักอยู่ในที่เกิดเหตุและให้จำเลยและบริวารของจำเลยออกจากที่เกิดเหตุ รวมทั้งรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปด้วย

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “อย่างไรก็ตามการกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานยึดถือครอบครองคลองควายที่ดินของรัฐ ซึ่งเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ประชาชนใช้ร่วมกัน และฐานทำให้เสียทรัพย์ที่ใช้และมีไว้เพื่อสาธารณประโยชน์ เป็นการกระทำกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท เมื่อลงโทษฐานทำให้เสียทรัพย์ที่ใช้และมีไว้เพื่อสาธารณประโยชน์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 360 ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดแล้วจึงไม่อาจอาศัยบทเบาตามประมวลกฎหมายที่ดินมาตรา 108 ทวิ วรรคสอง มาบังคับให้จำเลยและบริวารออกจากที่คลองควายซึ่งจำเลยเข้าไปยึดถือครอบครองตามที่โจทก์ขอได้ เพราะประมวลกฎหมายอาญามาตรา 360 ไม่ได้บัญญัติข้อบังคับดังกล่าวไว้ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิพากษายกฟ้องศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาโจทก์ฟังขึ้น”

พิพากษากลับว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 9(1),108 ทวิ วรรคสอง และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 360 เป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 360ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุก 2 เดือนและปรับ 4,000 บาท ไม่ปรากฏว่าจำเลยเคยต้องโทษจำคุกมาก่อน โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 1 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 หากไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 ริบเสาคอนกรีต 6 ต้นที่ปักอยู่ในที่เกิดเหตุคำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก

Share