แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การที่จำเลยเข้าไปยึดถือครอบครองคลองควายซึ่งเป็นคลองสาธารณะโดยใช้เสาคอนกรีตปักปิดขวางช่วงปากคลอง ทำให้ประชาชนทั่วไปไม่สามารถใช้ประโยชน์สัญจรผ่านไปมาในคลองเพื่อออกสู่แม่น้ำได้นั้น การกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานยึดถือครอบครองที่ดินของรัฐ ซึ่งเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ประชาชนใช้ร่วมกัน และฐานทำให้เสียทรัพย์ที่ใช้หรือมีไว้เพื่อสาธารณประโยชน์ เป็นการกระทำกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ต้องลงโทษฐานทำให้เสียทรัพย์ที่ใช้หรือมีไว้เพื่อสาธารณประโยชน์ ตาม ป.อ. มาตรา 360 ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุด จึงไม่อาจอาศัยบทเบาตาม ป. ที่ดิน มาตรา 108 ทวิ วรรคสอง มาบังคับให้จำเลยและบริวารออกจากที่ดินซึ่งจำเลยเข้าไปยึดถือครอบครองตามที่โจทก์ขอได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา ๙ , ๑๐๘ , ๑๐๘ ทวิ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๖๐ ริบเสาคอนกรีตจำนวน ๖ ต้น ที่ปักอยู่ในที่เกิดเหตุ และให้จำเลยและบริวารของจำเลยออกจากที่คลองควายซึ่งจำเลยเข้าไปยึดครอบครอง รวมทั้งรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกจากที่ดังกล่าว
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา ๑๐๘ ทวิ วรรคสอง ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๖๐ เป็นการกระทำกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๖๐ ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๐ จำคุก ๒ เดือน และปรับ ๔,๐๐๐ บาท ไม่ปรากฏว่าจำเลยเคยต้องโทษจำคุกมาก่อน โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด ๑ ปี หากไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙ , ๓๐ ริบเสาคอนกรีต ๖ ต้น ที่ปักอยู่ในที่เกิดเหตุ และให้จำเลยและบริวารของจำเลยออกจากที่เกิดเหตุ รวมทั้งรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปด้วย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค ๗ พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาพิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงเบื้องต้นรับฟังได้ว่า จำเลยและนายบุญมี บุญชัยศรี เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดเลขที่ ๙๓๖๓ เลขที่ดิน ๓๐ ตำบลลานตากฟ้า อำเภอเมืองนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม หลักฐานตามสำเนาโฉนดที่ดินเอกสารหมาย ล. ๑๓ ระบุว่าทิศเหนือจดลำกระโดงสาธารณประโยชน์ ทิศใต้จดทางสาธารณประโยชน์ ทิศตะวันออกจดที่ดินเลขที่ ๒๘ ทิศตะวันตกจดแม่น้ำนครชัยศรี ระหว่างวันที่ ๕ มกราคม ๒๕๓๘ เวลากลางวัน ถึงวันที่ ๒๑ เมษายน ๒๕๓๘ เวลากลางวัน จำเลยได้ปักเสาคอนกรีตจำนวน ๖ ต้น ปิดขวางลำคลองควาย ซึ่งอยู่ทางด้านทิศใต้ของที่ดินจำเลยกับนายบุญมีจุดแรก ๓ ต้น จุดที่สองห่างจากจุดแรกยาวตามลำคลองประมาณ ๗๕.๓๐ เมตร อีก ๓ ต้น ทำให้ประชาชนไม่สามารถสัญจรไปมาในคลองควายเพื่อออกสู่แม่น้ำนครชัยศรีได้ คดีมีปัญหาว่า จำเลยกระทำความผิดตามฟ้องหรือไม่
พยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบมามีเหตุผลและน้ำหนักรับฟังได้ว่าคลองควายซึ่งอยู่ทางด้านทิศใต้ของที่ดินจำเลยมีสภาพเป็นคลองสาธารณะ เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ประชาชนใช้ร่วมกัน เมื่อจำเลยเข้าไปยึดถือครอบครอง โดยใช้เสาคอนกรีตปักปิดขวางช่วงปากคลอง ๓ ต้น และถัดต่อจากปากคลองอีก ๓ ต้น ทำให้ประชาชนทั่วไปไม่สามารถใช้ประโยชน์สัญจรผ่านไปมาในคลองเพื่อออกสู่แม่น้ำนครชัยศรีได้ การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดตามฟ้อง พยานหลักฐานจำเลยไม่มีน้ำหนักหักล้างพยานหลักฐานโจทก์ได้ อย่างไรก็ตามการกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานยึดถือครอบครองคลองควายที่ดินของรัฐ ซึ่งเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ประชาชนใช้ร่วมกัน และฐานทำให้เสียทรัพย์ที่ใช้และมีไว้เพื่อสาธารณประโยชน์ เป็นการกระทำกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท เมื่อลงโทษฐานทำให้เสียทรัพย์ที่ใช้และมีไว้เพื่อสาธารณประโยชน์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๖๐ ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดแล้วจึงไม่อาจอาศัยบทเบาตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา ๑๐๘ ทวิ วรรคสอง มาบังคับให้จำเลยและบริวารออกจากที่คลองควายซึ่งจำเลยเข้าไปยึดถือครอบครองตามที่โจทก์ขอได้ เพราะประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๖๐ ไม่ได้บัญญัติข้อบังคับดังกล่าวไว้ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค ๗ พิพากษายกฟ้อง ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาโจทก์ฟังขึ้น
พิพากษากลับว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา ๙ (๑) , ๑๐๘ ทวิ วรรคสอง และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๖๐ เป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๖๐ ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุด มาตรา ๙๐ จำคุก ๒ เดือน และปรับ ๔,๐๐๐ บาท ไม่ปรากฏว่าจำเลยเคยต้องโทษจำคุกมาก่อน โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด ๑ ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๕๖ หากไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙ , ๓๐ ริบเสาคอนกรีต ๖ ต้น ที่ปักอยู่ในที่เกิดเหตุ คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก.