แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ตามที่ปรากฏในสำนวนจำเลยไม่เคยกล่าวถึงการเป็น หุ้นส่วนกับผู้ร้องหรือการเป็นตัวแทนของผู้ร้อง ผู้ร้องเป็นตัวการซึ่งมิได้เปิดเผยชื่อ จึงไม่อาจจะทำให้เสื่อมเสียถึงสิทธิของโจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกอันมีต่อตัวแทนก่อนที่จะรู้ว่าผู้ร้องเป็นตัวแทนนั้น ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 806 และในเรื่องหุ้นส่วนผู้ร้องผู้เป็นหุ้นส่วนจะถือเอาสิทธิใด ๆ แก่บุคคลภายนอกในกิจการค้าขายซึ่งไม่ปรากฏ ชื่อของตนนั้นหาได้ไม่ตามมาตรา 1049 เช่นกัน สิทธิของผู้ร้อง ที่อาจมีอยู่หรือได้มาก็โดยอาศัยสิทธิของจำเลยที่มีอยู่และ แสดงออกต่อบุคคลภายนอกหรือโจทก์เท่านั้นเสมือนหนึ่ง เป็นบุคคลคนเดียวกันกับจำเลยหรือเป็นบริวารของจำเลย ดังนั้น ในชั้นบังคับคดีผู้ร้องย่อมไม่อาจอ้างอำนาจพิเศษตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 296 จัตวา(3) มาใช้ยันแก่โจทก์ได้
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาว่า ที่ดินตามแผนที่พิพาทเนื้อที่ 7 ไร่ 1 งาน 66 ตารางวา เป็นของโจทก์ ห้ามจำเลยและบริวารรบกวนการครอบครอง และให้จำเลยใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์จำนวน 16,000 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ย กับให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ คดีถึงที่สุดแล้ว จำเลยไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นออกหมายบังคับคดี เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ดำเนินการบังคับคดีโดยปิดประกาศกำหนดเวลาให้ผู้ที่อ้างว่าไม่ใช่บริวารของจำเลยยื่นคำร้องแสดงอำนาจพิเศษต่อศาลชั้นต้นภายใน 8 วัน นับแต่วันปิดประกาศ
ผู้ร้องทั้งสองยื่นคำร้องว่า ที่ดินพิพาทเป็นของผู้ร้องทั้งสองกับจำเลยโดยซื้อมาจากโจทก์ แล้วให้จำเลยครอบครองแทนจำเลยไม่มีอำนาจรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างและมอบการครอบครองที่ดินพิพาทให้แก่ผู้ใด ขอให้งดและเพิกถอนการบังคับคดี
โจทก์ยื่นคำคัดค้านว่า โจทก์ไม่เคยขายที่ดินพิพาทให้ผู้ร้องทั้งสองและจำเลย ผู้ร้องทั้งสองไม่มีอำนาจพิเศษ ขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้อง
ผู้ร้องทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน
ผู้ร้องทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ผู้ร้องทั้งสองฎีกาในทำนองว่าผู้ร้องทั้งสองเป็นหุ้นส่วนกับจำเลย ผู้ร้องทั้งสองได้มอบอำนาจให้จำเลยซื้อที่ดินดังกล่าวจากโจทก์ตามสัญญาซื้อขายที่ดินฉบับลงวันที่ 12 พฤษภาคมหรือมิถุนายน 2539 และผู้ร้องทั้งสองได้เข้าครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินโดยสุจริตตลอดมาอย่างเป็นเจ้าของนั้นพิเคราะห์แล้วเห็นว่า ตามที่ปรากฏในสำนวนโดยสัญญาซื้อขายที่ดินฉบับดังกล่าวก็ดี หรือโดยคำแถลงของจำเลยฉบับแรกลงวันที่ 17 มิถุนายน 2539 และต่อมาก็ดีจำเลยไม่เคยกล่าวถึงการเป็นหุ้นส่วนกับผู้ร้องทั้งสองหรือการเป็นตัวแทนของผู้ร้องทั้งสองเลย ฉะนั้นตัวการซึ่งมิได้เปิดเผยชื่อหาอาจจะทำให้เสื่อมเสียถึงสิทธิของบุคคลภายนอกหรือโจทก์อันเขามีต่อตัวแทนก่อนที่จะรู้ว่าเป็นตัวแทนนั้นได้ไม่ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 806 และในเรื่องหุ้นส่วนก็ทำนองเดียวกันโดยผู้เป็นหุ้นส่วนจะถือเอาสิทธิใด ๆ แก่บุคคลภายนอกในกิจการค้าขายซึ่งไม่ปรากฏชื่อของตนนั้นหาได้ไม่ตามมาตรา 1049 โดยนัยดังกล่าวสิทธิของผู้ร้องทั้งสองที่อาจมีอยู่หรือได้มาก็โดยอาศัยสิทธิของจำเลยที่มีอยู่และแสดงออกต่อบุคคลภายนอกหรือโจทก์เท่านั้น เสมือนหนึ่งเป็นบุคคลคนเดียวกันกับจำเลยหรือเป็นบริวารของจำเลยดังนั้นผู้ร้องทั้งสองจึงไม่อาจอ้างอำนาจพิเศษตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 296 จัตวา (3) มาใช้ยันแก่โจทก์คำพิพากษาฎีกาที่ผู้ร้องทั้งสองอ้างถึงข้อเท็จจริงไม่เหมือนกัน
พิพากษายืน