แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยนำรถยนต์ที่จำเลยเช่าซื้อและค้างชำระค่าเช่าซื้ออยู่มาเสนอขายให้โจทก์ โดยให้โจทก์ชำระค่าเช่าซื้อที่ค้างแทนและชำระเงินอีกจำนวนหนึ่งให้จำเลย แล้วจำเลยจะโอนกรรมสิทธิ์ให้และเช่าซื้อรถยนต์คันนั้นจากโจทก์โจทก์ตกลงและได้ให้จำเลยทำสัญญาเช่าซื้อรถยนต์ดังกล่าวไว้ เมื่อโจทก์ชำระค่าเช่าซื้อทั้งหมดที่ค้างอยู่แทนจำเลย และชำระเงินให้ตามข้อตกลงแล้วเช่นนี้ กรรมสิทธิ์ในรถยนต์คันนั้นย่อมตกเป็นของโจทก์ จำเลยต้องผูกพันตามสัญญาเช่าซื้อกับโจทก์จำเลยจะอ้างว่าขณะทำสัญญาเช่าซื้อโจทก์มิใช่เจ้าของรถยนต์ดังกล่าวหาได้ไม่
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ ๒๗ สิงหาคม ๒๕๒๔ จำเลยที่ ๑ เช่าซื้อรถยนต์ของโจทก์ ๑ คัน ราคา ๑๐๖,๗๒๐ บาท กำหนดชำระค่าเช่าซื้อ ๓๐ เดือน ๆ ละ ๓,๕๔๘ บาท จำเลยที่ ๒ เป็นผู้ค้ำประกัน จำเลยที่ ๑ ชำระค่าเช่าซื้อเพียง ๑ งวดแล้วผิดนัด โจทก์ทวงถามแล้วจำเลยเพิกเฉยและไม่คืนรถ ขอให้จำเลยทั้งสองคืนรถยนต์ให้โจทก์หากไม่คืนก็ให้ใช้ราคาและค่าเสียหายพร้อมดอกเบี้ย
จำเลยที่ ๑ ให้การและฟ้องแย้งว่า จำเลยเคยขอกู้เงินโจทก์โดยตกลงว่า เมื่อรถยนต์คันที่จำเลยเช่าซื้อโอนมาเป็นของจำเลยแล้วจำเลยจะเอามาประกันเงินกู้ โจทก์ได้เอาสัญญาเช่าซื้อมาให้จำเลยลงชื่อโดยมิได้กรอกข้อความ ขณะทำสัญญาเช่าซื้อรถยนต์ยังไม่เป็นของโจทก์ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องขอให้ยกฟ้องและเพิกถอนสัญญาเช่าซื้อที่โจทก์นำมาฟ้อง
จำเลยที่ ๒ ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งว่า รถยนต์คันพิพาทจำเลยที่ ๑ เช่าซื้อผู้อื่นอยู่และค้างชำระค่าเช่าซื้อ วันที่ ๒๖ สิงหาคม ๒๕๒๔ จำเลยที่ ๑ เสนอขายรถยนต์คันพิพาทให้โจทก์ ในราคา ๗๐,๐๐๐ บาท โดยให้โจทก์ชำระค่าเช่าซื้อที่ค้างและชำระเงินที่เหลือให้จำเลยที่ ๑ และจำเลยที่ ๑ จะทำสัญญาเช่าซื้อรถยนต์พิพาทจากโจทก์ โจทก์ตกลง รุ่งขึ้นจึงได้ทำสัญญาเช่าซื้อกัน โจทก์ได้ชำระค่าเช่าซื้อที่ค้างผู้อื่นและชำระเงินที่เหลือแก่จำเลยที่ ๑ แล้ว
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันคืนรถยนต์แก่โจทก์ หากส่งคืนไม่ได้ให้ใช้ราคาและให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ย ให้ยกฟ้องแย้งจำเลยที่ ๑
จำเลยที่ ๑ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ ๑ ฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยที่ ๑ เช่าซื้อรถยนต์คันพิพาทจากบริษัทสยามกลการ จำกัด สาขาลำปาง และยังค้างค่าเช่าซื้ออยู่เป็นเงิน ๖๒,๔๔๖ บาท เมื่อวันที่ ๒๖ สิงหาคม ๒๕๒๔ จำเลยที่ ๑ เสนอขายรถยนต์คันพิพาทให้แก่โจทก์ในราคา ๗๐,๐๐๐ บาท โดยให้โจทก์ชำระเงินแก่บริษัทสยามกลการ จำกัด สาขาลำปาง เป็นเงิน ๖๒,๔๔๖ บาท และชำระเงินแก่จำเลยที่ ๑ เป็นเงิน ๗,๕๕๔ บาท แล้วจำเลยที่ ๑ จะโอนกรรมสิทธิ์ในรถยนต์พิพาทให้โจทก์และจะเช่าซื้อรถยนต์พิพาทจากโจทก์ในราคา ๑๐๖,๗๔๐ บาท โจทก์ตกลง ต่อมาวันที่ ๒๗ สิงหาคม ๒๕๒๔ จำเลยที่ ๑ จึงทำสัญญาเช่าซื้อรถยนต์พิพาทจากโจทก์ในราคา ๑๐๖,๗๔๐ บาท โดยชำระค่าเช่าซื้อ ๓๐ เดือน ๆ ละ ๓,๕๕๘ บาท มีจำเลยที่ ๒ เป็นผู้ค้ำประกัน ในวันที่ ๓๑ สิงหาคม ๒๕๒๔ บริษัทสยามกลการ จำกัด สาขาลำปาง ได้รับเงินตามเช็คที่โจทก์ชำระเป็นเงิน ๖๒,๔๔๖ บาท และจำเลยที่ ๑ ได้รับเงินตามเช็คจากโจทก์เป็นเงิน ๗,๕๕๔ บาท หลังจากนั้นมาจำเลยที่ ๑ ชำระค่าเช่าซื้อแก่โจทก์เพียงงวดเดียวเป็นเงิน ๓,๕๕๘ บาท แล้วผิดนัดไม่ชำระอีกเลย แล้ววินิจฉัยข้อกฎหมายว่าเมื่อบริษัทสยามกลการ จำกัด สาขาลำปาง ได้รับชำระค่าเช่าซื้อครบถ้วนเมื่อวันที่ ๓๑ สิงหาคม ๒๕๒๔ กรรมสิทธิ์ในรถยนต์คันพิพาทจึงตกเป็นของจำเลยที่ ๑ ในวันนั้น แต่เนื่องจากจำเลยที่ ๑ เสนอขายรถยนต์คันพิพาทไว้ต่อโจทก์ล่วงหน้าก่อนแล้วในราคา ๗๐,๐๐๐ บาท โจทก์ตกลงในราคานั้นแล้ว เมื่อกรรมสิทธิ์ในรถยนต์คันพิพาทตกมาเป็นของจำเลยที่ ๑ แล้วการซื้อขายรถยนต์ระหว่างจำเลยที่ ๑ กับโจทก์จึงมีผลตามกฎหมาย กรรมสิทธิ์ในรถยนต์ย่อมตกมาเป็นของโจทก์ อีกทั้งโจทก์ก็ได้ชำระเงินค่าซื้อรถยนต์คันพิพาทต่อจำเลยที่ ๑ จำนวน ๗๐,๐๐๐ บาทแล้ว โดยชำระแทนจำเลยที่ ๑ ต่อบริษัทสยามกลการ จำกัด สาขาลำปาง เป็นเงิน ๖๒,๔๔๖ บาท และชำระแก่จำเลยที่ ๑ โดยตรงอีก ๗,๕๕๔ บาท รวมเป็นเงิน ๗๐,๐๐๐ บาท เช่นนี้ เท่ากับจำเลยที่ ๑ ได้รับชำระราคารถยนต์คันพิพาทจากโจทก์ครบถ้วนแล้ว แม้ในวันที่ ๒๗ สิงหาคม ๒๕๒๔ อันเป็นวันที่จำเลยที่ ๑ ทำสัญญาเช่าซื้อต่อโจทก์ โจทก์จะยังมิได้เป็นเจ้าของรถยนต์คันพิพาทที่ให้จำเลยที่ ๑ เช่าซื้อก็ตาม ย่อมเป็นที่เห็นได้ว่าการทำสัญญาเช่าซื้อเป็นการทำไว้ล่วงหน้า โดยเจตนาให้มีผลบังคับกันเมื่อโจทก์ได้มีกรรมสิทธิ์ในรถยนต์คันพิพาทนั้นแล้ว ต่อมาโจทก์ก็ได้เป็นเจ้าของรถยนต์คันพิพาท อีกทั้งจำเลยที่ ๑ ก็ได้ชำระค่าเช่าซื้อให้แก่โจทก์ ๑ งวดแล้ว จึงต้องผูกพันตามสัญญาเช่าซื้อ จำเลยที่ ๑ จะอ้างว่าขณะทำสัญญาโจทก์ไม่ใช่เจ้าของรถยนต์คันพิพาทที่เช่าซื้อและไม่มีสิทธินำรถยนต์คันพิพาทให้จำเลยที่ ๑ เช่าซื้อหาได้ไม่
พิพากษายืน
