คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 331/2527

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

โจทก์จำเลยต่างโต้เถียงกรรมสิทธิ์นาพิพาทกันอยู่ เมื่อโจทก์ปลูกต้นข้าวในนาพิพาท จำเลยเสียหายอย่างไรชอบที่จะฟ้องร้องว่ากล่าวกัน การที่จำเลยกลับเข้าไถนาพิพาทเป็นเหตุให้ข้าวที่โจทก์ปลูกไว้ก่อนเสียหาย การกระทำของจำเลยย่อมเป็นความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ และต้องชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์

ย่อยาว

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสี่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 358, 359, 83 จำคุกคนละ 2 เดือน ปรับคนละ 1,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ 1 ปี ให้ยกฟ้องในความผิดฐานบุกรุก ให้จำเลยทั้งสี่ร่วมกันใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ 8,000 บาท พร้อมดอกเบี้ย ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าให้ยกฟ้องโจทก์ในความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ด้วยโจทก์ทั้งสองฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า นายปัน นางเงื้อมเป็นเจ้าของนาพิพาท มีบุตร 2 คน คือโจทก์ที่ 1 และจำเลยที่ 1 โจทก์ที่ 1 เป็นพี่ นายปัน นางเงื้อม ถึงแก่กรรมแล้ว โดยนายปันถึงแก่กรรมก่อน ขณะนางเงื้อมมีชีวิต โจทก์ที่ 1 กู้เงินจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร 30,000 บาท นางเงื้อมจำนองนาพิพาทค้ำประกัน เมื่อนางเงื้อมถึงแก่กรรมแล้ว โจทก์ที่ 1 กู้เงินจากนายใส ศรีประวัติ นำไปไถ่จำนองนาพิพาทจากธนาคารดังกล่าวโดยนายใสถือโฉนดนาพิพาทไว้ ต่อมาจำเลยที่ 2 นำเงินไปชำระให้นายใสแทนโจทก์ที่ 1 โดยให้โจทก์ที่ 1 เขียนหนังสือสัญญาให้จำเลยที่ 2 และมอบโฉนดนาพิพาทให้จำเลยที่ 2 ยึดถือไว้

ปัญหาว่า ในวันเวลาเกิดเหตุจำเลยทั้งสี่นำรถไปไถต้นข้าวที่โจทก์ทั้งสองปลูกในนาพิพาทหรือไม่ โจทก์มีตัวโจทก์ทั้งสอง นายเอี่ยม พรมแจ้ง นางเงินไทยเลี้ยง นายแดง พรมแก้ว และนายเสงี่ยม จั่นครุฑ นำสืบว่า โจทก์ทั้งสองทำนาพิพาทตลอดมา ส่วนจำเลยทั้งสี่ไม่ได้เข้าทำ ก่อนวันเกิดเหตุโจทก์ทั้งสองเข้าหว่านข้าวในนาพิพาท 20 ไร่ ต้นข้าวสูงคืบเศษ ในวันเวลาเกิดเหตุจำเลยทั้งสี่เข้าไถนาพิพาททำให้ต้นข้าวที่โจทก์หว่านปลูกไว้เสียหายหมด เห็นว่า พยานโจทก์เบิกความสอดคล้องต้องกัน จะแตกต่างกันบ้างเพียงพลความไม่ถึงกับรับฟังไม่ได้ โดยนายเอี่ยม นางเงินและนางแดง มีนาอยู่ติดนาพิพาท เห็นเหตุการณ์ได้ใกล้ชิด จำเลยนำสืบรับว่าเคยเข้าทำนาพิพาท โดยอ้างว่าโจทก์ที่ 1 ขายส่วนของโจทก์ที่ 1 ให้จำเลยที่ 2 แล้ว พยานจำเลยเจือสมพยานโจทก์ ที่จำเลยทั้งสี่นำสืบหักล้างอ้างฐานที่อยู่จึงฟังไม่ขึ้น เชื่อว่าจำเลยทั้งสี่นำรถไถเข้าไถนาพิพาทเป็นเหตุให้ต้นข้าวในนาพิพาทซึ่งโจทก์ปลูกไว้เสียหายหมด สำหรับการกระทำของจำเลยจะเป็นความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์หรือไม่นั้น เห็นว่า โจทก์จำเลยต่างโต้เถียงกรรมสิทธิ์นาพิพาทกันอยู่ เมื่อโจทก์ปลูกต้นข้าวในนาพิพาท จำเลยเสียหายอย่างไร ชอบที่จะฟ้องร้องว่ากล่าวกัน การที่จำเลยกลับเข้าไถนาพิพาทเป็นเหตุให้ข้าวที่โจทก์ปลูกไว้ก่อนเสียหาย การกระทำของจำเลยย่อมเป็นความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ตามโจทก์ฟ้อง และต้องชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ทั้งสอง ส่วนโจทก์เสียหายเท่าใดนั้น เห็นว่าโจทก์ต้องลงทุนจ้างรถไถนาพิพาทแล้วหว่านเมล็ดข้าว ที่ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสี่ชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ทั้งสองเป็นเงิน 8,000 บาท เหมาะสมแล้ว ฎีกาของโจทก์ทั้งสองฟังขึ้นบางส่วน

พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ลงโทษจำเลยที่ 1 ที่ 2 ที่ 3 และบังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้จำเลยทั้งสี่ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นศาลอุทธรณ์และศาลฎีกาแทนโจทก์ทั้งสอง โดยกำหนดค่าทนายความรวม 1,200 บาท”

Share