คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 465/2535

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

จำเลยทั้งสองออกเช็คพิพาทชำระหนี้เงินกู้ตามหนังสือรับสภาพหนี้ที่มีการคิดดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนดซึ่งเป็นความผิดต่อพ.ร.บ.ห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราฯ มาตรา 3 รวมอยู่ เช็คพิพาทจึงเป็นเช็คที่มีมูลหนี้ผิดกฎหมายรวมอยู่ด้วย การออกเช็คพิพาทของจำเลยทั้งสองจึงไม่เป็นความผิดต่อ พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คฯ.

ย่อยาว

คดีทั้งสองสำนวนนี้ ศาลชั้นต้นพิจารณาและพิพากษารวมกัน โจทก์ฟ้องทั้งสองสำนวนมีข้อความทำนองเดียวกัน ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497มาตรา 3 ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 196 ลงวันที่ 8 สิงหาคม2515 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 และ 91
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่าคดีมีมูล ให้ประทับฟ้องไว้พิจารณาทั้งสองสำนวน
จำเลยทั้งสองสำนวนให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษายกฟ้อง
โจทก์ทั้งสองสำนวนอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497มาตรา 3 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 และ 91 ให้เรียงกระทงลงโทษโดยให้ลงโทษจำคุกจำเลยแต่ละคนกระทงละ 5 เดือน รวม 6 กระทง เป็นโทษจำคุกคนละ 30 เดือน
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงรับฟังได้ในเบื้องต้นว่า จำเลยทั้งสองร่วมกันออกเช็คพิพาทชำระหนี้ตามหนังสือรับสภาพหนี้ให้แก่โจทก์ ต่อมาธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงินคดีมีปัญหาตามฎีกาของจำเลยทั้งสองว่าเช็คพิพาทออกชำระหนี้เงินกู้ซึ่งรวมดอกเบี้ยเกินอัตราอยู่ด้วยหรือไม่… คดีจึงฟังได้ว่า โจทก์คิดดอกเบี้ยเงินกู้เกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนดไว้ซึ่งเป็นความผิดต่อพระราชบัญญัติห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราพ.ศ. 2475 มาตรา 3 เมื่อเช็คพิพาทออกชำระหนี้เงินกู้ตามหนังสือรับสภาพหนี้ที่มีการคิดดอกเบี้ยเกินอัตรารวมอยู่ เช็คพิพาทจึงเป็นเช็คที่มีมูลหนี้ผิดกฎหมายรวมอยู่ด้วย การออกเช็คพิพาทของจำเลยทั้งสองจึงไม่เป็นความผิดต่อพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำเลยทั้งสองมานั้น ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา…”
พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง.

Share