คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3308/2522

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ร่วมมีเช็คของจำเลยในธนาคารเดียวกันซึ่งถึงกำหนดแล้วรวม 4 ฉบับ ได้นำเช็คไปขึ้นเงินในวันที่ 19 มีนาคม 2519 สองฉบับ ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน ต่อมาโจทก์ร่วมได้นำเช็คอีก 2 ฉบับในคดีนี้ไปขึ้นเงินเมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2519 เช่นนี้ความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คเกิดขึ้นเมื่อธนาคารปฏิเสธไม่จ่ายเงินตามเช็ค เช็ค 4 ฉบับแยกการกระทำออกจากกันได้เป็น 4 กรรม จึงไม่จำเป็นต้องนำไปขึ้นเงินพร้อมกัน เมื่อธนาคารปฏิเสธไม่จ่ายเงินตามเช็ค 2 ฉบับคดีนี้ในวันที่ 15 กรกฎาคม 2519 และโจทก์ร่วมร้องทุกข์ยังไม่เกิน 3 เดือน คดีจึงไม่ขาดอายุความ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3

จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลอนุญาตให้ผู้เสียหายเข้าเป็นโจทก์ร่วม

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3 2 กระทง จำคุก 8 เดือน

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ ให้ลงโทษจำคุกกระทงละ 2 เดือน รวม 4 เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยฎีกาว่าโจทก์ร่วมมีเช็คของจำเลยในธนาคารเดียวกันถึงกำหนดแล้วรวม 4 ฉบับ โจทก์ร่วมนำเช็คไปขึ้นเงินในวันที่ 19 มีนาคม 2519 เพียง 2 ฉบับ ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน “บัญชีปิดแล้ว”แม้โจทก์ร่วมจะนำเช็คอีก 2 ฉบับ ในคดีนี้ไปขึ้นเงินในเวลาต่อมา เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2519 และธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินอีก ก็ต้องถือว่าโจทก์ร่วมได้รู้หรือควรได้รู้ความผิดตามเช็คคดีนี้เมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2519 ต้องเริ่มนับอายุความตั้งแต่วันดังกล่าวและเมื่อนับถึงวันที่โจทก์ร้องทุกข์เป็นเวลาเกิน 3 เดือนแล้ว คดีโจทก์ขาดอายุความ

ศาลฎีกาพิจารณาแล้วเห็นว่า ความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คเกิดขึ้นเมื่อธนาคารปฏิเสธไม่จ่ายเงินตามเช็คเมื่อยังมิได้นำเช็คไปขึ้นเงินจากธนาคารจะถือว่าความผิดเกิดขึ้นแล้วไม่ได้เช็ค 4 ฉบับ แยกการกระทำออกจากกันได้เป็น 4 กรรม จึงไม่จำเป็นต้องนำไปขึ้นเงินพร้อมกัน เมื่อธนาคารปฏิเสธไม่จ่ายเงินตามเช็ค 2 ฉบับคดีนี้ในวันที่ 15 กรกฎาคม 2519 และโจทก์ร่วมร้องทุกข์วันที่ 18 เดือนเดียวกัน ซึ่งยังไม่เกิน 3 เดือน คดีโจทก์หาขาดอายุความไม่

พิพากษายืน

Share