คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3287/2554

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยที่ 1 เป็นประธานกรรมการบริหารองค์การบริหารส่วนตำบลทุ่งใหญ่ จำเลยที่ 2 และที่ 3 เป็นกรรมการบริหารองค์การบริหารส่วนตำบลทุ่งใหญ่ จำเลยที่ 4 เป็นปลัดองค์การบริหารส่วนตำบลทุ่งใหญ่และเป็นเจ้าหน้าที่พัสดุ โดยจำเลยทั้งสี่เป็นเจ้าพนักงานตาม ป.อ. จำเลยที่ 4 ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่พัสดุมีหน้าที่ในการปิดประกาศเผยแพร่การสอบราคาโครงการรับเหมาก่อสร้างไว้โดยเปิดเผย ณ ที่ทำการองค์การบริหารส่วนตำบลและที่ว่าการอำเภอและขายเอกสารสอบราคาให้แก่ผู้ที่สนใจซื้อ แต่จำเลยที่ 4 มิได้ติดประกาศสอบราคาโครงการดังกล่าวและไม่มีการขายเอกสารสอบราคาให้แก่โจทก์ จำเลยที่ 2 และที่ 3 ได้รับแต่งตั้งเป็นคณะกรรมการเปิดซองและพิจารณาซองสอบราคา ส่วนจำเลยที่ 1 เป็นผู้อนุมัติการจ้าง ซึ่งต่างปฏิบัติหน้าที่อยู่ที่ทำการองค์การบริหารส่วนตำบลทุ่งใหญ่ด้วยกัน จึงย่อมรู้เห็นการกระทำของจำเลยที่ 4 แต่กลับมีการเปิดซองสอบราคาและตกลงจ้างเหมาดังกล่าวอันมีลักษณะเป็นการสมคบกันปกปิดการสอบราคากีดกันไม่ให้โจทก์เข้าสอบราคา อันเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบเพื่อให้โจทก์และราชการเสียหาย เมื่อปรากฏว่า จำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 ไม่ได้เป็นเจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่ในการปิดประกาศสอบราคาและขายเอกสารสอบราคาโดยตรง แต่เมื่อจำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 ได้ร่วมกระทำกับจำเลยที่ 4 ด้วย จำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 จึงมีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนจำเลยที่ 4 ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตาม ป.อ. มาตรา 157 ประกอบมาตรา 86
แม้โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 ในฐานเป็นตัวการ เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่า จำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 กระทำความผิดในฐานเป็นผู้สนับสนุน ศาลฎีกาก็ลงโทษจำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 ในความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องและแก้ไขฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสี่ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151, 157 ประกอบด้วยมาตรา 83 และ นับโทษจำเลยทั้งสี่ต่อจากโทษในคดีอาญาดังกล่าวด้วย
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่า คดีมีมูล ให้ประทับฟ้อง
จำเลยทั้งสี่ให้การปฏิเสธ แต่รับว่าเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 4 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 จำคุก 1 ปี ยกฟ้องจำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 ข้อหาและคำขออื่นให้ยก
โจทก์และจำเลยที่ 4 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 1 จำเลยที่ 2 และจำเลยที่ 3 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157, 83 ให้จำคุกจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 2 และจำเลยที่ 3 คนละ 1 ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 ฎีกา
จำเลยที่ 4 ฎีกา โดยอัยการสูงสุดรับรองให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 ว่า จำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 ร่วมกับจำเลยที่ 4 ปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบหรือไม่ เห็นว่า พยานโจทก์เบิกความสอดคล้องต้องกันและโจทก์มีสำเนาหนังสือขอซื้อเอกสารสอบราคา ซึ่งมีนางสาวจงกลณี เจ้าหน้าที่ธุรการขององค์การบริหารส่วนตำบลทุ่งใหญ่ลงลายมือชื่อรับไว้ และลงรายละเอียดไว้ในทะเบียนหนังสือรับสนับสนุนพยานหลักฐานโจทก์จึงมีน้ำหนักน่าเชื่อถือ เชื่อว่าในช่วงเวลาที่มีการประกาศขายเอกสารสอบราคาโครงการดังกล่าว โจทก์โดยนายบุญทิตย์หุ้นส่วนผู้จัดการได้ไปขอซื้อเอกสารสอบราคาแต่ไม่อาจซื้อได้ และไม่มีการติดประกาศเรื่องดังกล่าวไว้ที่ทำการองค์การบริหารส่วนตำบลทุ่งใหญ่ ทั้งไม่มีเจ้าหน้าที่ทราบเรื่องการขายเอกสารสอบราคาแต่อย่างใด ที่จำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 ฎีกาว่า จำเลยที่ 4 ได้ปิดประกาศสอบราคาในที่ทำการองค์การบริหารส่วนตำบลทุ่งใหญ่แล้วไม่อาจหักล้างพยานหลักฐานโจทก์ นอกจากนี้ข้อเท็จจริงได้ความว่าจำเลยที่ 4 เป็นผู้ขายเอกสารสอบราคาเองในวันที่ 12 พฤษภาคม 2543 เพียงวันเดียว ทั้ง ๆ ที่จำเลยที่ 4 ยอมรับว่าไม่มีหน้าที่ขาย ประกอบจำเลยที่ 2 ถึงที่ 4 ซึ่งเป็นคณะกรรมการเปิดซองและพิจารณาซองสอบราคาเห็นควรจ้างห้างหุ้นส่วนจำกัดศรีสะเกษไตรภูมิทั้งห้าโครงการตามฟ้องรายเดียว จำเลยที่ 1 ก็อนุมัติ ทั้งจำเลยทั้งสี่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ที่ทำการองค์การบริหารส่วนตำบลทุ่งใหญ่ด้วยกัน จำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 จึงย่อมรู้เห็นการกระทำของจำเลยที่ 4 การที่จำเลยที่ 4 มิได้ติดประกาศสอบราคาโครงการดังกล่าวและไม่มีการขายเอกสารสอบราคาให้แก่โจทก์ จำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 ย่อมทราบดี แต่กลับมีการเปิดซองสอบราคาและตกลงจ้างเหมาดังกล่าวอันมีลักษณะเป็นการสมคบกันปกปิดการสอบราคา กีดกันไม่ให้โจทก์เข้าสอบราคา อันเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบเพื่อให้โจทก์และราชการเสียหาย อย่างไรก็ตามเมื่อปรากฏว่า จำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 ไม่ได้เป็นเจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่ในการปิดประกาศสอบราคาและขายเอกสารสอบราคาโดยตรง แต่เมื่อจำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 ได้ร่วมกระทำกับจำเลยที่ 4 ด้วย จำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 จึงมีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนจำเลยที่ 4 ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ประกอบมาตรา 86 แม้โจทก์จะฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 ในฐานเป็นตัวการ เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 กระทำความผิดในฐานเป็นผู้สนับสนุน ศาลฎีกาก็ลงโทษจำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 ในความผิดฐานนี้ได้ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยบางส่วน ฎีกาของจำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 ฟังไม่ขึ้น
ส่วนที่จำเลยที่ 4 ฎีกาขอให้รอการลงโทษจำคุกให้แก่จำเลยที่ 4 นั้น เห็นว่า การกระทำของจำเลยที่ 4 กับพวกก่อให้เกิดความเสียหายแก่บุคคลอี่นและมีผลกระทบต่องบประมาณของรัฐในการพัฒนาประเทศทำให้รัฐต้องเสียหาย พฤติการณ์แห่งคดีเป็นเรื่องร้ายแรง ลำพังจำเลยที่ 4 มีภาระต้องรับผิดชอบต่อครอบครัวและบุพการีเป็นเพียงเหตุผลและความจำเป็นส่วนตัว ยังไม่มีเหตุผลเพียงพอที่จะรับฟังเพื่อรอการลงโทษจำคุกให้แก่จำเลยที่ 4 ที่ศาลล่างทั้งสองใช้ดุลพินิจไม่รอการลงโทษจำคุกให้แก่จำเลยที่ 4 นั้นเหมาะสมแก่พฤติการณ์แห่งคดีแล้ว ไม่มีเหตุที่ศาลฎีกาจะเปลี่ยนแปลงแก้ไข ฎีกาของจำเลยที่ 4 ฟังไม่ขึ้นเช่นกัน
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ประกอบมาตรา 86 จำคุกคนละ 8 เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3

Share