คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5210/2540

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

โจทก์เคยฟ้องจำเลยขอแบ่งที่ดินสินสมรส คิดเป็นเนื้อที่ดิน 7 ไร่เศษที่ศาลจังหวัดปราจีนบุรี คดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลจังหวัดปราจีนบุรี โจทก์มาฟ้องจำเลยอีกโดยยกข้ออ้างว่าที่ดินทั้งสามแปลงเป็นสินสมรส จำเลยนำไปขาย ขอให้บังคับจำเลยแบ่งค่าที่ดินส่วนของโจทก์ให้โจทก์ ฟ้องของโจทก์ในคดีนี้กับคดีก่อนจึงมีประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยและคำขอบังคับอย่างเดียวกันจึงเป็นฟ้องซ้อนต้องห้ามมิให้ฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 173 วรรคสอง(1)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์จำเลยเป็นสามีภรรยากันโดยชอบด้วยกฎหมาย เมื่อวันที่ 28กุมภาพันธ์ 2535 โจทก์จำเลยได้จดทะเบียนหย่าขาดจากกัน ระหว่างอยู่กินด้วยกันได้ร่วมกันซื้อที่ดินจำนวน 3 แปลง เป็นที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์เลขที่ 89 ตำบลโคกไทย (โคกปีบ) อำเภอโคกปีบ จังหวัดปราจีนบุรี ที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์เลขที่ 783, 784 ตำบลโคกปีบ อำเภอโคกปีบ จังหวัดปราจีนบุรี โดยใส่ชื่อจำเลยเป็นเจ้าของแต่เพียงผู้เดียว ต่อมาจำเลยนำที่ดินทั้ง 3 แปลง ดังกล่าวซึ่งเป็นสินสมรสไปขายรวมเป็นเงิน 600,000 บาท โดยที่โจทก์ไม่ทราบเรื่องโจทก์เพิ่งมาทราบภายหลังจากที่หย่าขาดจากกันแล้ว จึงขอแบ่งเงินค่าที่ดินส่วนของโจทก์จำนวน 300,000 บาท แต่จำเลยไม่ยอมแบ่งให้ ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินจำนวน 300,000 บาท แก่โจทก์ พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ

จำเลยให้การว่า ฟ้องโจทก์เป็นฟ้องซ้อนกับคดีหมายเลขดำที่ 569/2535 ของศาลจังหวัดปราจีนบุรี ซึ่งในคดีดังกล่าวโจทก์ได้ยื่นฟ้องจำเลยขอแบ่งสินสมรสอันเนื่องมาจากการจดทะเบียนหย่าเช่นเดียวกับคดีนี้ โจทก์จึงชอบที่จะฟ้องไปในคราวเดียวกันขอให้ยกฟ้อง

ระหว่างพิจารณา โจทก์ถึงแก่กรรม นายดิเรก วงศ์สมบูรณ์ ทายาทของโจทก์ยื่นคำร้องขอเข้าเป็นคู่ความแทน ศาลชั้นต้นอนุญาต

ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยประการแรกว่าฟ้องโจทก์คดีนี้เป็นฟ้องซ้อนกับคดีแพ่งหมายเลขดำที่ 569/2535 ของศาลจังหวัดปราจีนบุรีหรือไม่ ข้อเท็จจริงยุติตามที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 วินิจฉัยว่า โจทก์เคยฟ้องจำเลยขอแบ่งสินสมรส คิดเป็นเนื้อที่ดิน 7 ไร่เศษที่ศาลจังหวัดปราจีนบุรี ตามเอกสารหมาย ล.10 ขณะคดีดังกล่าวอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลจังหวัดปราจีนบุรี โจทก์ฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้ เห็นว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องจำเลยโดยยกข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาว่าที่ดินทั้งสามแปลงเป็นสินสมรสจำเลยนำไปขาย ขอให้บังคับจำเลยแบ่งค่าที่ดินส่วนของโจทก์ให้โจทก์ ฟ้องของโจทก์ในคดีนี้กับคดีก่อนจึงมีสภาพแห่งข้อหาประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยและคำขอบังคับอย่างเดียวกัน ฟ้องโจทก์คดีนี้จึงเป็นฟ้องซ้อนกับคดีแพ่งหมายเลขดำที่ 569/2535 ของศาลจังหวัดปราจีนบุรีต้องห้ามมิให้ฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 173 วรรคสอง(1) ดังที่ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัย”

พิพากษายืน

Share