แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
จำเลยเอาสร้อยคอทองคำและพระเลี่ยมทองคำรวมราคา 30,000 บาทของผู้เสียหายไปเพื่อเป็นการตอบแทนที่ผู้เสียหายได้ร่วมประเวณีกับจำเลย เพราะเหตุที่ผู้เสียหายไม่ยอมชำระเงินจำนวน 5,000 บาทตามที่ได้ตกลงกันไว้ เป็นการเอาไปเพื่อหักใช้หนี้กันและทรัพย์ที่เอาไปนั้น จำเลยก็เข้าใจว่ามีราคาไม่เกินกว่าจำนวนหนี้ที่เป็นหนี้จำเลยอยู่ จำเลยเอาทรัพย์ไปเพราะจำเลยเชื่อว่าเป็นประโยชน์ที่จำเลยควรได้ จึงเป็นการเอาทรัพย์ของผู้เสียหายไปโดยไม่มีเจตนาทุจริต ไม่มีความผิดฐานลักทรัพย์
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยลักเอาสร้อยคอทองคำ 1 เส้น พร้อมพระเลี่ยมทองคำ 3 องค์ ราคา 30,000 บาท ของนายเขียว อั้นตั้งผู้เสียหายไปโดยทุจริต ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 334
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 334 จำคุก 1 ปี คำให้การและข้อนำสืบของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้าง ลดโทษให้หนึ่งในสาม คงจำคุก 8 เดือนจำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงเบื้องต้นฟังเป็นยุติตามที่นำสืบรับกันว่า ตามวันเวลาเกิดเหตุผู้เสียหายได้พาจำเลยไปหลับนอนและร่วมประเวณีที่ห้องพักโรงแรมควีนส์ที่เกิดเหตุ หลังจากร่วมประเวณีกันแล้วผู้เสียหายได้นอนหลับไป ขณะผู้เสียหายนอนหลับจำเลยได้เอาสร้อยคอทองคำหนัก 3 บาท และพระเลี่ยมทองคำ 3 องค์รวมราคา 30,000 บาท ของผู้เสียหายซึ่งถอดวางไว้ในห้องเกิดเหตุไป คงเหลือนาฬิกาข้อมือยี่ห้อมิโดราคา 5,000 บาท กับเงินสดอีกประมาณ 2,000 บาท ต่อมาจำเลยได้นำสร้อยคอไปจำนำเป็นเงิน5,000 บาท จำเลยนำสืบว่าผู้เสียหายตกลงร่วมประเวณีกับจำเลยจะให้ค่าตอบแทนเป็นเงิน 5,000 บาท เมื่อร่วมประเวณีกันแล้วผู้เสียหายไม่ยอมจ่ายและขอนอนต่อ 2 ชั่วโมง เมื่อถึง 2 ชั่วโมง แล้วผู้เสียหายไม่ยอมตื่น จำเลยจึงเอาทรัพย์สินของผู้เสียหาย ซึ่งจำเลยเข้าใจว่ามีราคาเท่ากับค่าตอบแทนไปและจำเลยยังได้เขียนชื่อนามสกุลและที่อยู่จำเลยให้ผู้เสียหายทราบในข้อนี้ผู้เสียหายเบิกความว่า ในคืนเกิดเหตุผู้เสียหายได้ไปที่บังกะโลซีซ่าร์เพื่อหาหญิงบริการไปหลับนอนด้วย และต่อมามีผู้แนะนำจำเลยจึงได้พาจำเลยไปร่วมหลับนอนด้วย และหลังจากจำเลยหนีไปแล้วได้ความว่าจำเลยเขียนข้อความใส่กระดาษวางไว้ที่หน้ากระจก จึงเป็นการเจือสมกับที่จำเลยนำสืบ ดังนั้น การที่จำเลยเอาทรัพย์สินของผู้เสียหายไปจึงฟังได้ว่าเอาไปเพื่อเป็นการตอบแทนที่ผู้เสียหายได้ร่วมประเวณีกับจำเลย เพราะเหตุที่ผู้เสียหายไม่ยอมชำระเงินตามที่ได้ตกลงกันไว้ เห็นได้ว่าเจตนาของจำเลยที่เอาทรัพย์ของผู้เสียหายไปนั้นก็เพื่อจะถือเอาไปเป็นการใช้หนี้ที่ผู้เสียหายเป็นหนี้จำเลยอยู่ เป็นการเอาไปเพื่อหักใช้หนี้กันและทรัพย์ที่เอาไปนั้นจำเลยก็เข้าใจว่ามีราคาไม่เกินกว่าจำนวนหนี้ผู้เสียหายเป็นหนี้จำเลยอยู่ มิฉะนั้นก็น่าจะเอานาฬิกาข้อมือและเงินสดของผู้เสียหายไปเสียด้วย หรือจำนำให้มีจำนวนสูงกว่าค่าตอบแทนและไม่จำต้องเขียนชื่อที่อยู่ให้ผู้เสียหายทราบ เมื่อผู้เสียหายติดตามไปพบจำเลย จำเลยก็คืนพระเลี่ยมทองคำและบอกแหล่งรับจำนำให้ทราบทันที ตามข้อเท็จจริงและพฤติการณ์ดังกล่าวศาลฎีกาเชื่อว่าจำเลยเอาทรัพย์ไปเพราะจำเลยเชื่อว่าเป็นประโยชน์ที่จำเลยควรได้ การกระทำของจำเลยจึงเป็นการเอาทรัพย์ของผู้เสียหายไปโดยไม่มีเจตนาทุจริต จำเลยจึงไม่มีความผิดฐานลักทรัพย์”
พิพากษายืน