แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์เป็นลูกจ้างประจำของธนาคารออมสิน จำเลย ตำแหน่งผู้จัดการธนาคารออมสิน สาขาพล จังหวัดขอนแก่น ได้ทำใบเบิกจ่ายเงินค่าเบี้ยเลี้ยงตำรวจรักษาการณ์ธนาคารออมสินสาขาพลโดยกรอกรายการเองและสั่งอนุญาตให้จ่ายเงินเบี้ยเลี้ยงแต่เมื่อได้ความว่า โจทก์นำเงินค่าเบี้ยเลี้ยงไปซ่อมรถยนต์ของธนาคารจำเลยโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจรักษาการณ์ยอมมอบเงินให้และมีการซ่อมรถยนต์จริง จึงเป็นการขาดเจตนาทุจริต ถือไม่ได้ว่าการกระทำของโจทก์เป็นการทุจริตต่อหน้าที่
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องและแก้ไขฟ้องว่า โจทก์เป็นลูกจ้างประจำของจำเลยครั้งสุดท้ายเป็นผู้จัดการธนาคารออมสิน สาขาพล จังหวัดขอนแก่นอัตราค่าจ้างเดือนละ ๑๐,๙๙๐ บาท เมื่อวันที่ ๑๖ ตุลาคม ๒๕๒๓ จำเลยมีคำสั่งเลิกจ้างโจทก์ตั้งแต่วันที่ ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๒๓ อ้างว่าโจทก์ทุจริตต่อหน้าที่และประพฤติชั่วอย่างร้ายแรงซึ่งไม่เป็นความจริง ขอให้บังคับจำเลยรับโจทก์กลับเข้าทำงานในตำแหน่งหน้าที่และอัตราค่าจ้างเดิมหรือให้จำเลยจ่ายเงินบำนาญเดือนละ ๕,๙๓๔.๖๐ บาท เงินสวัสดิการสงเคราะห์ ๒๕,๐๐๐ บาท เงินระหว่างพักงาน ๑๑๔,๒๙๕.๙๙ บาท กับดอกเบี้ยร้อยละ ๑๕ต่อปีเป็นเงิน ๑๔,๒๘๗ บาท ค่าชดเชย ๖๕,๙๔๐ บาท แก่โจทก์
จำเลยให้การว่า จำเลยเลิกจ้างโจทก์ถูกต้องตามระเบียบข้อบังคับของจำเลยมิได้ฝ่าฝืนสัญญาจ้างและกฎหมายคุ้มครองแรงงาน จำเลยเลิกจ้างโจทก์เพราะขณะโจทก์ปฏิบัติหน้าที่ผู้จัดการธนาคารออมสินสาขาพล จังหวัดขอนแก่น ได้ทำหลักฐานเท็จเบิกเงินเบี้ยเลี้ยงตำรวจรักษาการณ์ที่ธนาคารออมสิน สาขาพล แล้วนำไปใช้ส่วนตัว นอกจากนี้โจทก์ได้จำหน่ายแท้งค์น้ำของธนาคารออมสิน สาขาพล ๒ ใบเป็นครุภัณฑ์ชำรุด แต่ความจริงชำรุดเพียง ๑ ใบ และโจทก์ได้ปฏิบัติหน้าที่บกพร่องโดยรายงานขออนุมัติซ่อมรถยนต์ประจำธนาคารออมสินสาขาพล ว่าชำรุด ๔ รายการ เมื่อได้รับอนุมัติแล้วโจทก์ซ่อมเพียงรายการเดียวจำเลยได้ไล่โจทก์ออกจากตำแหน่งฐานทุจริตต่อหน้าที่และประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง โจทก์ไม่มีสิทธิได้รับเงินบำนาญ เงินสวัสดิการสงเคราะห์ เงินในระหว่างถูกพักงานและค่าชดเชยทั้งจำเลยไม่อาจรับโจทก์กลับเข้าทำงานอีก ขอให้ยกฟ้อง
ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยว่า การกระทำของโจทก์เป็นการทุจริตต่อหน้าที่คำสั่งไล่โจทก์ออกจากงานชอบด้วยระเบียบของจำเลย โจทก์ไม่มีสิทธิได้รับเงินบำนาญ เงินสวัสดิการสงเคราะห์ เงินระหว่างพักงาน และไม่มีสิทธิได้รับค่าชดเชยพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า คดีได้ความว่า เมื่อวันที่ ๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๒๒ โจทก์ได้ทำใบ อ.ส. ๒๐ เบิกจ่ายเงินค่าเบี้ยเลี้ยงตำรวจรักษาการณ์ธนาคารออมสิน สาขาพล โดยกรอกรายการเองและสั่งอนุญาตให้จ่ายเป็นเงิน ๑,๓๕๐ บาท เป็นค่าเบี้ยเลี้ยง ๔๕ วัน วันละ ๓๐ บาท เห็นว่าเอกสารเบิกจ่ายเงินค่าเบี้ยเลี้ยงที่โจทก์ทำขึ้นมีเจ้าหน้าที่ตำรวจรักษาการณ์จ่าสิบตำรวจประกงเป็นผู้ลงชื่อรับเงิน นายมนตรีพนักงานของจำเลยลงชื่อจ่ายเงินโดยได้รับอนุมัติจากนายธงชัยหัวหน้าฝ่ายการออมสินซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาของโจทก์แจ้งอนุญาตให้จ่ายตั้งแต่วันที่ ๒๑ กันยายน ๒๕๒๒ ตามที่ขอ การที่โจทก์นำเงินค่าเบี้ยเลี้ยงตำรวจรักษาการณ์เพื่อนำไปซ่อมรถยนต์ของธนาคารจำเลย ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจรักษาการณ์ยอมมอบเงินให้แล้วเพราะเห็นว่าเป็นรถของธนาคารจึงไม่ขัดข้องและมีการซ่อมจริงโดยมิได้เอาไปใช้เป็นประโยชน์ส่วนตัวแต่ประการใด เป็นการขาดเจตนาทุจริตถือไม่ได้ว่าการกระทำของโจทก์เป็นการทุจริตต่อหน้าที่
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกคำพิพากษาศาลแรงงานกลางที่ยกฟ้องโจทก์ในส่วนที่เกี่ยวกับการเบิกจ่ายเงินค่าเบี้ยเลี้ยงตำรวจรักษาการณ์ธนาคารออมสินสาขาพล ให้ศาลแรงงานกลางพิจารณาในประเด็นข้อที่ว่าสมควรรับโจทก์กลับเข้าทำงานหรือให้จำเลยจ่ายเงินแก่โจทก์ต่อไปแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี