คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 328/2511

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คดีโจทก์มีประจักษ์พยานเพียง 2 ปาก แต่ประจักษ์พยานทั้ง 2 ปาก ให้การขัดแย้งกันและไม่สมเหตุผลจนเป็นที่เชื่อถือไม่ได้ ทำให้พยานหลักฐานของโจทก์ไม่มั่นคงพอจะลงโทษจำเลยตามฟ้องโจทก์ การที่พยานโจทก์ไม่พอฟังลงโทษจำเลยได้เช่นนี้เป็นเหตุลักษณะคดี แม้จำเลยบางคนจะมิได้ฎีกาขึ้นมาศาลก็พิพากษาให้ยกฟ้องสำหรับจำเลยที่มิได้ฎีกาขึ้นมาได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสามสมคบร่วมกันมีไม้อันเป็นไม้หวงห้ามไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติป่าไม้ ฯลฯ
จำเลยทั้งสามให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์ แต่ให้ริบไม้ของกลาง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ลงโทษจำเลยทั้งสาม
จำเลยที่ ๓ คนเดียวฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า โจทก์มีประจักษ์พยานที่อ้างว่าเห็นจำเลยกำลังงัดไม้ซุงลงห้วยและใช้ช้างลากซุงอยู่ แต่สิบตำรวจโทผ่อง ธรรมนารักษ์ และพลตำรวจนอง แสงสุริยันต์ เพียง ๒ ปากเท่านั้น แต่ปรากฏว่าประจักษ์พยานโจทก์ทั้ง ๒ ปากนี้ให้การขัดแย้งกันและไม่สมเหตุผลหลายประการ ทำให้เป็นที่เห็นได้ว่าประจักษ์พยานโจทก์ทั้งสองปากจะไม่ได้ไปเห็นจำเลยชักลากและงัดไม้ด้วยกันจริงจัง คำประจักษ์พยานโจทก์ทั้งสองจึงเชื่อถือไม่ได้ พยานหลักฐานโจทก์ที่นำสืบมายังไม่มั่นคงพอให้รับฟังข้อเท็จจริงได้ว่า จำเลยทั้งสามมีไม้ของกลางอันเป็นไม้ผิดกฎหมายไว้ในการครอบครอง จึงลงโทษจำเลยตามฟ้องโจทก์ไม่ได้ การที่พยานโจทก์ไม่พอฟังลงโทษจำเลยในคดีนี้ได้ดังกล่าวนั้นเป็นเหตุในลักษณะคดี แม้จำเลยที่ ๑ และจำเลยที่ ๒ มิได้ฎีกามา ศาลก็พิพากษาถึงจำเลยที่ ๑ และจำเลยที่ ๒ ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๒๑๓, ๒๒๕
พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยทั้งสาม

Share