แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์มีพยานเห็นเพียงจำเลยที่ 2 ร่วมกับจำเลยที่ 1 และพวกฉุดผู้ตายลงจากรถจักรยานพาเข้าไปข้างทาง แต่เมื่อฟังได้ว่าจำเลยที่ 1 พรากผู้เยาว์ ข่มขืนกระทำชำเราและฆ่าผู้ตายเพื่อปกปิดความผิด และสถานที่ซึ่งผู้ตายถูกข่มขืนกระทำชำเราอยู่ต่อเนื่องกับสถานที่ซึ่งจำเลยที่ 2 กับพวกฉุดผู้ตายลงจากรถเช่นนี้แม้หลังจากนั้นโจทก์ไม่มีพยานรู้เห็นว่าจำเลยที่ 2 เข้าไปเกี่ยวข้องกับการกระทำของจำเลยที่ 1 กับพวกอีกมีแต่คำรับของจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นคำซัดทอดของผู้กระทำผิดด้วยกันและจำเลยที่ 2 ปฏิเสธข้อหาตามฟ้องโจทก์มาแต่แรกก็ตามพยานหลักฐานโจทก์ก็ยังคง ฟังได้ว่า จำเลยที่ 2 ร่วมกับจำเลยที่ 1 พรากผู้ตาย ไปเสียจากบิดามารดาเพื่อการอนาจาร และสนับสนุนการกระทำความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเราแล้ว
เมื่อลงโทษประหารชีวิตจำเลยแล้วจะเพิ่มโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 93 อีกไม่ได้
จำเลยมีความผิด 3 กระทงตามมาตรา 318 วรรคสาม, 276 วรรคสองและ 289 (7) ถูกจำคุก 4 ปี, 33 ปี 4 เดือน และตลอดชีวิตตามลำดับเมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้วคงจำคุกจำเลยตลอดชีวิตสถานเดียวตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ที่แก้ไขแล้ว
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทั้งสองกับพวกอีก ๑ คนร่วมกันพรากผู้เยาว์เพื่อการอนาจาร ข่มขืนกระทำชำเราอันมีลักษณะเป็นการโทรมหญิง และฆ่าผู้อื่นเพื่อปกปิดความผิดขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๗๖, ๒๗๗ ทวิ, ๒๘๔, ๒๘๘, ๒๘๙, ๓๑๘,๘๓, ๙๑, ๙๓ และเพิ่มโทษจำเลยที่ ๑
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ จำเลยที่ ๑ รับในข้อเคยต้องโทษ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๗๖ วรรคสอง, ๒๘๔ วรรคแรก, ๓๑๘ วรรคสาม, ๒๘๘, ๒๘๙, ๘๓
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยทั้งสองกับพวกร่วมกันฉุดผู้ตายลงจากรถจักรยานพาเข้าข้างทาง จำเลยที่ ๑ ข่มขืนกระทำชำเราและฆ่าผู้ตาย วินิจฉัยข้อกฎหมายว่าเมื่อฟังได้ว่าจำเลยที่ ๒ ร่วมกันกับจำเลยที่ ๑๑ และพวกฉุดผู้ตายลงจากรถดังกล่าวมาแล้วและสถานที่ซึ่งผู้ตายถูกข่มขืนกระทำชำเราฟังได้ว่าต่อเนื่องกับสถานที่ซึ่งจำเลยที่ ๒ กับพวก ฉุดผู้ตายลงจากรถเช่นนี้ แม้หลังจากนั้นโจทก์ไม่มีพยานรู้เห็นว่าจำเลยที่ ๒ เข้าไปเกี่ยวข้องกับการกระทำของจำเลยที่ ๑ กับพวกอีก มีแต่คำรับของจำเลยที่ ๑ ซึ่งเป็นคำซัดทอดของผู้กระทำผิดด้วยกัน และจำเลยที่ ๒ ปฏิเสธข้อหาตามฟ้องโจทก์มาแต่แรกก็ตาม พยานหลักฐานโจทก์ก็ยังคงฟังได้ว่าจำเลยที่ ๒ ร่วมกันกับจำเลยที่ ๑ พรากผู้ตายไปเสียจากบิดามารดาเพื่อการอนาจารอันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๔ วรรคแรก และมาตรา ๓๑๘ วรรคสาม อันเป็นกรรมเดียวกันเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ต้องได้รับโทษตามมาตรา ๓๑๘ วรรคสามซึ่งเป็นบทหนักที่สุดเพียงบทเดียว และช่วยเหลือในการที่จำเลยที่ ๑ ข่มขืนกระทำชำเราผู้ตาย อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๗๖ วรรคสองประกอบกับมาตรา ๘๖ อีกด้วย
พิพากษาแก้เป็นว่าจำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๔ วรรคแรก, ๓๑๘ วรรคสาม, ๘๓ อันเป็นกรรมเดียวกันเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ลงโทษตามมาตรา ๓๑๘ วรรคสาม ซึ่งเป็นบทหนักที่สุดให้จำคุกคนละ ๖ ปีและมีความผิดตามมาตรา ๒๗๖ วรรคสอง อีกกระทงหนึ่ง จำคุกจำเลยที่ ๑ ไว้ตลอดชีวิตสำหรับจำเลยที่ ๒ เป็นเพียงผู้สนับสนุนตามมาตรา ๘๖ ประกอบด้วยมาตรา ๕๓ให้จำคุก ๓๓ ปี ๔ เดือน เฉพาะจำเลยที่ ๑ มีความผิดตามมาตรา ๒๘๙ (๗) อีกกระทงหนึ่งให้ลงโทษประหารชีวิต แต่ความผิดตามมาตรานี้ลงโทษประหารชีวิตแล้วจึงเพิ่มโทษตามที่โจทก์ขอไม่ได้ ลดโทษให้จำเลยที่ ๑ หนึ่งในสามตามมาตรา ๗๘ คงลงโทษจำเลยที่ ๑ ตามมาตรา ๓๑๘ วรรคสาม จำคุก ๔ ปี ความผิดตามมาตรา ๒๗๖ วรรคสอง เปลี่ยนโทษจำคุกตลอดชีวิตเป็นจำคุก ๕๐ ปี ตามมาตรา ๕๓ เมื่อลดโทษให้แล้วคงจำคุก ๓๓ ปี ๔ เดือน และความผิดตามมาตรา ๒๘๙ (๗) เมื่อลดโทษแล้วคงจำคุกตลอดชีวิตตามมาตรา ๕๒ เมื่อรวมโทษทุกกระทงคงจำคุกจำเลยที่ ๑ ตลอดชีวิตสถานเดียวตามมาตรา ๙๑ ที่แก้ไขแล้ว ส่วนจำเลยที่ ๒ เมื่อรวมโทษทุกกระทงคงจำคุก ๓๙ ปี ๔ เดือน