แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เจ้าของเดิมตกลงให้จำเลยที่ 1 และสามีเช่าที่พิพาทปลูกตึกแถวอยู่อาศัยกำหนด 30 ปี โดยจำเลยที่ 1 กับสามีต้องเสียค่าตอบแทนให้เจ้าของเดิมเป็นจำนวนเงิน 50,000บาท เมื่อครบกำหนด 30 ปีแล้วตึกแถวที่จำเลยที่ 1 กับสามีสร้างขึ้นตกเป็นของเจ้าของเดิม ข้อตกลงระหว่างจำเลยที่ 1 และสามีกับเจ้าของเดิมจึงเป็นสัญญาต่างตอบแทนยิ่งกว่าสัญญาเช่าธรรมดาซึ่งสัญญาดังกล่าวไม่มีกฎหมายบังคับให้ต้องทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ และเมื่อเจ้าของเดิมถึงแก่กรรม โจทก์ในฐานะผู้จัดการมรดกและในฐานะภริยาผู้มีส่วนได้รับมรดกต้องรับไปทั้งสิทธิและหน้าที่ซึ่งเจ้าของเดิมมีต่อจำเลยที่ 1 ตามสัญญาต่างตอบแทนที่ตกลงกันไว้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดเลขที่ 2939จำเลยทั้งสองได้เช่าที่ดินโฉนดดังกล่าวเนื้อที่ 60 ตารางวา สัญญาเช่าหายไป จำเลยทั้งสองได้ปลูกตึกแถว 2 คูหา เลขที่ 396,398 ด้านหลังมีเรือนไม้ 2 ชั้น หนึ่งหลังปัจจุบันตึกและเรือนไม้อยู่ในสภาพทรุดโทรมน่าจะเป็นอันตรายในการอยู่อาศัย และอยู่ในที่ชุมนุมชนทำให้ไม่น่าดู โจทก์บอกกล่าวให้จำเลยปรับปรุง จำเลยเพิกเฉย โจทก์มีความจำเป็นต้องใช้ที่ดิน ประกอบกับจำเลยค้างค่าเช่า จึงได้บอกเลิกการเช่าให้จำเลยและบริวารรื้อตึกแถวและเรือนไม้ออกไป จำเลยเพิกเฉย การที่จำเลยยังอยู่ในที่พิพาทเป็นการอยู่โดยละเมิด ทำให้โจทก์เสียหาย ขอให้พิพากษาให้จำเลยและบริวารรื้อถอนตึกแถวและบ้านไม้ออกไปจากที่ดินโจทก์ ห้ามเกี่ยวข้อง กับให้จำเลยใช้ค่าเช่าและค่าเสียหาย
จำเลยทั้งสองให้การว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง จำเลยทั้งสองไม่ได้เช่าที่ดินโจทก์ แต่หลวงศรีศรยุทธสามีโจทก์และโจทก์ได้ตกลงให้จำเลยที่ 1 กับสามีปลูกตึกแถวและเรือนไม้บนที่ดินพิพาทเพื่ออยู่อาศัยมีกำหนด 30 ปี จำเลยและสามีจ่ายเงินค่าตอบแทนจำนวน 87,000 บาท ให้แก่หลวงศรีศรยุทธและโจทก์ ข้อตกลงดังกล่าวจึงเป็นสัญญาต่างตอบแทน จำเลยทั้งสองจึงมีสิทธิอยู่ในสถานที่ปลูกสร้างไปจนครบกำหนดตามที่ตกลงกัน โจทก์ไม่เคยบอกกล่าวเลิกการเช่ากับจำเลยและไม่ต้องรับผิดในค่าเสียหายขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า หลวงศรีศรยุทธได้ตกลงให้จำเลยที่ 1 และสามีเช่าที่พิพาทปลูกตึกแถวอยู่อาศัย กำหนด 30 ปี โดยจำเลยที่ 1 และสามีต้องเสียค่าตอบแทนให้หลวงศรีศรยุทธเป็นจำนวนเงิน 50,000 บาท เมื่อครบ 30 ปีแล้ว ตึกแถวที่จำเลยที่ 1 กับสามีสร้างขึ้นตกเป็นของหลวงศรีศรยุทธ ข้อตกลงระหว่างจำเลยที่ 1 และสามีกับหลวงศรีศรยุทธจึงเป็นสัญญาต่างตอบแทนยิ่งกว่าสัญญาเช่าธรรมดา ซึ่งสัญญาดังกล่าวไม่มีกฎหมายบังคับให้ต้องทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ และเมื่อหลวงศรีศรยุทธถึงแก่กรรม โจทก์ในฐานะผู้จัดการมรดกและในฐานะภริยาผู้มีส่วนได้รับมรดกของหลวงศรีศรยุทธต้องรับไปทั้งสิทธิและหน้าที่ซึ่งหลวงศรีศรยุทธมีต่อจำเลยที่ 1 ตามสัญญาต่างตอบแทนที่ตกลงกันไว้ตามกฎหมาย ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษายกฟ้องโจทก์โดยเห็นว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยทั้งสอง เพราะจำเลยอยู่ในที่พิพาทยังไม่ถึง 30 ปีนั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย
พิพากษายืน