คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3271/2538

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนมติที่ประชุมสภาเทศบาลและมติแต่งตั้งประธานและรองประธานสภาเทศบาล และมีคำสั่งแต่งตั้งโจทก์ที่ 1 และที่ 2 เป็นประธานและรองประธานสภาเทศบาลตามลำดับ ระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้นสภาเทศบาลได้ลงมติเลือกประธานและรองประธานสภาเทศบาลใหม่แล้ว การดำรงตำแหน่งประธานและรองประธานสภาเทศบาลเดิมย่อมหมดวาระในการดำรงตำแหน่งต่อไป จึงไม่อาจจะพิพากษาให้โจทก์ที่ 1 และที่ 2 ดำรงตำแหน่งดังกล่าวตามคำขอของโจทก์ได้ ศาลชั้นต้นชอบที่จะจำหน่ายคดีจากสารบบความ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ที่ 1 ถึงที่ 6 ได้รับเลือกตั้งให้เป็นสมาชิกสภาเทศบาลตำบลปากช่อง เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2535จำเลยที่ 4 ได้อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 25 วรรคสองแห่งพระราชบัญญัติเทศบาล พ.ศ. 2496 ให้เรียกประชุมสภาเทศบาลตำบลปากช่องครั้งแรกในวันที่ 25 พฤษภาคม 2535 เวลา 14 นาฬิกาณ ห้องประชุมสภาเทศบาลตำบลปากช่อง ต่อมาวันที่ 25 พฤษภาคม 2535 นายกอบกุล ทองลงยา รองผู้ว่าราชการจังหวัดรักษาราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมาได้เปิดประชุมสภาเทศบาล แล้วจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นเลขานุการสภาเทศบาลตำบลปากช่องได้เชิญจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นสมาชิกสภาเทศบาลผู้มีอายุสูงสุดทำหน้าที่ประธานสภาชั่วคราวและจำเลยที่ 1 ได้เลือกจำเลยที่ 3 เป็นเลขานุการชั่วคราวต่อมาจำเลยที่ 1 ในฐานะประธานสภาชั่วคราวได้ประกาศให้สมาชิกสภาเทศบาลเสนอชื่อผู้ที่สมควรดำรงตำแหน่งประธานและรองประธานสภาเทศบาลตำบลปากช่อง มีสมาชิกเสนอชื่อผู้ที่สมควรจะดำรงตำแหน่งประธานสภาคือโจทก์ที่ 1 และนายกังวาฬ บรรณาภูมิ รองประธานสภาเทศบาลคือโจทก์ที่ 2และจำเลยที่ 1 ตามลำดับ ทั้งนี้ที่ประชุมได้มีมติให้เขียนชื่อผู้ที่สมควรได้รับเลือกตั้งเป็นประธานและรองประธานสภาเทศบาลในบัตรลงคะแนนที่พนักงานเทศบาลแจกให้สมาชิกคนละ 1 ใบเมื่อสมาชิกเขียนชื่อผู้ที่สมควรได้รับการเลือกตั้งเป็นประธานและรองประธานเทศบาลแล้วให้หย่อนบัตรลงคะแนนในพานซึ่งทางพนักงานเทศบาลจัดไว้ โดยมีสมาชิกที่เป็นกรรมการนับคะแนนอันประกอบด้วยโจทก์ที่ 3 และนายคมกฤษณ์ ลิ้มปัญญาเลิศผลปรากฏว่าตำแหน่งประธานสภาเทศบาลตำบลปากช่องโจทก์ที่ 1 ได้ 6 คะแนน นายกังวาฬ ได้ 5 คะแนนส่วนตำแหน่งรองประธานสภาเทศบาล โจทก์ที่ 2 ได้ 6 คะแนนจำเลยที่ 1 ได้ 5 คะแนน ผลจากการนับคะแนนดังกล่าวปรากฏว่ามีบัตรลงคะแนนใบหนึ่งเขียนชื่อจำเลยที่ 3 และนายวิชิต พรหมพันธ์ใจ 1 ใบ จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นผู้ทำหน้าที่อ่านบัตรลงคะแนนได้นำบัตรลงคะแนนใบดังกล่าวส่งให้แก่จำเลยที่ 3 เมื่อจำเลยที่ 3 ได้รับบัตรลงคะแนนมาแล้วได้นำบัตรลงคะแนนใบดังกล่าวนี้ไปให้จำเลยที่ 1 ทำการแก้ไขเปลี่ยนแปลงบัตรลงคะแนนดังกล่าวใหม่ โดยเขียนชื่อนายกังวาฬและจำเลยที่ 1 ในบัตรลงคะแนนดังกล่าว แล้วขีดฆ่าชื่อจำเลยที่ 3และนายวิชิต ทั้งนี้โดยจำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 มีเจตนาที่ไม่สุจริต เพื่อทำให้ผลการนับคะแนนเลือกตั้งประธานและรองประธานสภาเทศบาลเปลี่ยนไป เพราะต้องถือว่าบัตรลงคะแนนดังกล่าวเป็นบัตรเสียไม่อาจทำการแก้ไขเปลี่ยนแปลงได้อีก ทั้งจำเลยที่ 2 และที่ 3 ไม่มีอำนาจโดยชอบด้วยกฎหมายที่จะนำบัตรเสียดังกล่าวไปให้จำเลยที่ 1 ทำการแก้ไขเปลี่ยนแปลงโดยจำเลยที่ 1 ในฐานะประธานสภาชั่วคราวไม่ได้ร้องขอหรือทักท้วงแต่อย่างใด การกระทำดังกล่าวของจำเลยทั้งหมดเป็นการร่วมกันทำให้นายกังวาฬและจำเลยที่ 1เป็นผู้มีสิทธิได้รับการแต่งตั้งให้เป็นประธานและรองประธานสภาเทศบาลตำบลปากช่อง ซึ่งการกระทำดังกล่าวเป็นการขัดต่อกฎหมายและเจตนารมณ์ที่ต้องการให้การเลือกตั้งเป็นไปโดยบริสุทธิ์ยุติธรรม ในวันนั้นเองนายกอบกุล ได้ประกาศแต่งตั้งให้นายกังวาฬและจำเลยที่ 1 เป็นประธานและรองประธานสภาเทศบาลตำบลปากช่อง โจทก์ทั้งหกเห็นว่าการกระทำดังกล่าวของจำเลยทั้งหมดเป็นไปโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายและเหตุผลเพราะประธานสภาเทศบาลผู้ที่ได้คะแนนสูงสุดคือโจทก์ที่ 1 และรองประธานสภาเทศบาลที่ได้คะแนนสูงสุดคือโจทก์ที่ 2 การกระทำดังกล่าวทำให้โจทก์ทั้งหกได้รับความเสียหาย โจทก์ทั้งหกได้ร่วมกันคัดค้านต่อที่ประชุมสภาเทศบาลตำบลปากช่องในขณะนั้นแล้ว แต่ไม่ได้รับการพิจารณาจึงได้ร้องเรียนไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมาให้ระงับการแต่งตั้งประธานและรองประธานสภาเทศบาลไว้เป็นการชั่วคราวต่อมาจังหวัดนครราชสีมาโดยผู้ว่าราชการจังหวัดได้หารือข้อร้องเรียนของโจทก์ทั้งหกไปยังกระทรวงมหาดไทย แต่ปรากฏว่าหนังสือที่จังหวัดนครราชสีมาหารือไปไม่ตรงตามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นและตามที่โจทก์ทั้งหกได้ร้องเรียน กล่าวคือ ทางจังหวัดนครราชสีมาได้มีหนังสือหารือไปว่า “การเลือกตั้งประธานและรองประธานสภาเทศบาลตำบลปากช่องในระหว่างการนับคะแนนมีใบเสนอรายชื่อใบหนึ่งเขียนรายชื่อและตำแหน่งอื่นที่ไม่ใช่รายชื่อของผู้ที่สมควรเป็นประธานและรองประธาน ปรากฏว่าจำเลยที่ 1 จำได้ว่าเป็นใบเสนอรายชื่อของตนจึงนำไปเขียนรายชื่อและตำแหน่งเสียใหม่ให้ถูกต้องแล้วนับคะแนนดังกล่าวต่อไปจนเสร็จสิ้น และจังหวัดได้ประกาศแต่งตั้งนายกังวาฬและจำเลยที่ 1 เป็นประธานและรองประธานสภาเทศบาล” ซึ่งข้อความดังกล่าวทำให้กระทรวงมหาดไทย วินิจฉัยข้อเท็จจริงผิดไป การกระทำของจำเลยทั้งสี่ทำให้โจทก์ทั้งหกได้รับความเสียหาย ขอให้เพิกถอนมติที่ประชุมสภาเทศบาลและมติการแต่งตั้งประธานและรองประธานสภาตำบลปากช่องตามประกาศจังหวัดนครราชสีมา เรื่อง แต่งตั้งประธานและรองประธานสภาเทศบาลตำบลปากช่อง ลงวันที่ 25 พฤษภาคม 2535 และมีคำสั่งให้โจทก์ที่ 1 และที่ 2 เป็นประธานและรองประธานสภาเทศบาลตำบลปากช่องตามลำดับ
จำเลยทั้งสี่ให้การว่า จำเลยทั้งสี่ไม่ได้โต้แย้งสิทธิของโจทก์ทั้งหก ขอให้ยกฟ้อง
ระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้น จำเลยทั้งสี่ยื่นคำร้องว่าตามมติที่ประชุมสภาเทศบาลตำบลปากช่องที่โจทก์ฟ้องขอเพิกถอนนั้นประธานและรองประธานสภาเทศบาลอยู่ในตำแหน่งได้คราวละ 1 ปีเมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2536 ได้มีการประชุมสภาเทศบาลตำบลปากช่องสมัยสามัญสมัยแรกประจำปี 2536 ที่ประชุมมีมติเลือกนายกังวาฬ บรรณณาภูมิ และจำเลยที่ 1 เป็นประธานและรองประธานสภาเทศบาลตำบลปากช่องตามลำดับ ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมาก็ได้มีประกาศแต่งตั้งแล้วมติที่ประชุมสภาเทศบาลตำบลปากช่องและมติการแต่งตั้งนายกังวาฬและจำเลยที่ 1 เป็นประธานและรองประธานสภาเทศบาลตำบลปากช่อง ที่โจทก์ฟ้องขอเพิกถอนจึงสิ้นสุดลงขอให้มีคำสั่งจำหน่ายคดี
โจทก์ทั้งหกยื่นคำคัดค้านว่า การเลือกตั้งประธานและรองประธานสภาเทศบาลตำบลปากช่องเป็นการลงคะแนนลับสมาชิกแต่ละคนไม่อาจทราบได้ว่าแต่ละคนเลือกใครให้เป็นประธานและรองประธาน การนำบัตรที่อ่านผลคะแนนแล้วไปแก้ไขเพื่อให้ตนเองกับพวกได้รับคะแนนเพิ่มขึ้น จึงเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายและประเพณีอันพึงยึดถือปฏิบัติในระบอบประชาธิปไตยแม้ตำแหน่งประธานและรองประธานสภาจะมีวาระคราวละ 1 ปีแต่ตำแหน่งอื่น ๆ ในทางบริหารยังคงมีผลอยู่และเมื่อคดีขึ้นสู่การพิจารณาของศาลแล้ว ศาลเท่านั้นจะเป็นผู้พิจารณาชี้ขาดว่าการแก้ไขบัตรเลือกตั้งดังกล่าวกระทำได้หรือไม่เพื่อจะได้เป็นบรรทัดฐานให้ยึดถือปฏิบัติต่อไป ซึ่งเป็นคนละประเด็นกับที่จำเลยได้ร้องขอต่อศาลขอให้สืบพยานโจทก์จำเลยและพิจารณาวินิจฉัยชี้ขาดคดีต่อไป
ศาลชั้นต้นสืบพยานโจทก์แล้ว เห็นว่าคดีพอวินิจฉัยได้จึงให้งดสืบพยานจำเลยและมีคำสั่งจำหน่ายคดีออกจากสารบบความ
โจทก์ทั้งหกอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน
โจทก์ทั้งหกฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ที่โจทก์ทั้งหกฎีกาว่า การแต่งตั้งประธานและรองประธานสภาเทศบาลตำบลปากช่องตามมติที่ประชุมสภาเทศบาลตำบลปากช่องเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2535 แม้การดำรงตำแหน่งประธานและรองประธานสภาดังกล่าวจะครบวาระ 1 ปีแล้วแต่เมื่อมติดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมายก็ยังคงไม่ชอบด้วยกฎหมายอยู่จนกว่าศาลชั้นต้นจะทำการพิจารณาและวินิจฉัยชี้ขาด การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้งดสืบพยานจำเลยจึงไม่ชอบด้วยกฎหมายนั้นปรากฏตามคำขอท้ายฟ้องของโจทก์ทั้งหกว่า ขอให้เพิกถอนมติที่ประชุมสภาเทศบาลและมติแต่งตั้ง นายกังวาฬ บรรณาภูมิเป็นประธานสภาเทศบาลตำบลปากช่องและจำเลยที่ 1 เป็นรองประธานสภาเทศบาลตำบลปากช่องตามประกาศจังหวัดนครราชสีมาเรื่อง แต่งตั้งประธานและรองประธานสภาเทศบาลตำบลปากช่องลงวันที่ 25 พฤษภาคม 2535 และมีคำสั่งแต่งตั้งโจทก์ที่ 1และที่ 2 เป็นประธานและรองประธานสภาเทศบาลตำบลปากช่องตามลำดับ แต่ตามระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยข้อบังคับการประชุมสภาเทศบาล พ.ศ. 2496 บัญญัติไว้ในข้อ 6 วรรคสองว่าประธานและรองประธานสภาเทศบาลอยู่ในตำแหน่งได้คราวละ1 ปี ในสมัยประชุมสามัญสมัยแรกของปีต่อไปให้ทำการเลือกตั้งใหม่และปรากฏว่าในการประชุมสภาเทศบาลตำบลปากช่องสมัยประชุมสามัญสมัยแรกของปี 2536 ที่ประชุมได้ลงมติเลือกประธานและรองประธานสภาเทศบาลใหม่แล้ว การดำรงตำแหน่งของประธานและรองประธานสภาเทศบาลตำบลปากช่องตามมติของที่ประชุมสภาเทศบาลตำบลปากช่อง เมื่อวันที่25 พฤษภาคม 2535 ย่อมหมดวาระในการดำรงตำแหน่งไปแล้วจึงไม่อาจจะพิพากษาให้โจทก์ที่ 1 และที่ 2 ดำรงตำแหน่งดังกล่าวตามคำขอท้ายฟ้องของโจทก์ทั้งหกได้ แม้จะสืบพยานจำเลยต่อไปก็ไม่ทำให้ผลของคดีเปลี่ยนแปลงไป การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้งดสืบพยานจำเลยจึงชอบด้วยกฎหมายแล้ว ฎีกาโจทก์ทั้งหกฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share