แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เช็คพิพาทเป็นเช็คที่จำเลยที่ 1 สั่งจ่าย โดยมีจำเลยที่ 2ลงลายมือชื่อสลักหลังมอบให้แก่โจทก์เพื่อเป็นการชำระหนี้แลกเงินสดทั้งเป็นเช็คสั่งจ่ายแก่ผู้ถือโจทก์จึงเป็นผู้ทรงเช็คพิพาทโดยชอบด้วยกฎหมาย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นผู้ทรงเช็คที่จำเลยที่ 1 เป็นผู้ลงลายมือชื่อสั่งจ่าย และจำเลยที่ 2 เป็นผู้ลงลายมือชื่อสลักหลังเพื่อชำระหนี้ให้แก่โจทก์ เมื่อเช็คถึงกำหนดชำระธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงิน ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองชำระเงินพร้อมดอกเบี้ย
จำเลยทั้งสองขาดนัดยื่นคำให้การ และจำเลยที่ 1 ขาดนัดพิจารณา
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินตามเช็ค พร้อมดอกเบี้ย
จำเลยที่ 2 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ 2 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปัญหาในชั้นนี้มีว่า โจทก์เป็นผู้ทรงเช็คพิพาทโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ข้อเท็จจริงได้ความจากตัวโจทก์และนางสาววิไลพร พิริยกุลวงศ์ พยานโจทก์ ซึ่งเบิกความทำนองเดียวกันว่า เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2527 จำเลยที่ 1 กับจำเลยที่ 2 มาขอยืมเงินจากโจทก์ จำเลยที่ 1 นำเช็คพิพาทซึ่งมีจำเลยที่ 2ลงลายมือชื่อเป็นผู้สลักหลัง มอบให้แก่โจทก์เป็นการชำระหนี้แลกเงินสด และยังได้ความต่อไปว่า เช็คพิพาทเป็นเช็คสั่งจ่ายแก่ผู้ถือจำเลยที่ 2 เบิกความโต้แย้งเพียงว่าเช็คพิพาทไม่มีมูลหนี้ โจทก์ไม่ใช่ผู้ทรงโดยชอบ จึงไม่มีอำนาจฟ้อง เห็นว่า ข้อต่อสู้คดีของจำเลยที่ 2 เป็นไปอย่างเลื่อนลอยหาสาระความจริงอื่นใดสนับสนุนให้น่าเชื่อถือได้ไม่ พยานหลักฐานของโจทก์ย่อมมีน้ำหนักมากกว่าพยานหลักฐานของจำเลย คดีโจทก์ฟังได้ว่า โจทก์เป็นผู้ทรงเช็คพิพาทโดยชอบด้วยกฎหมายที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษามานั้นชอบแล้ว
พิพากษายืน