คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3269/2533

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

จำเลยเป็นข้าราชการประจำสำนักงานที่ดินมีหน้าที่ต้องปฏิบัติงานด้วยความระมัดระวังมิให้เกิดความเสียหายแก่ทางราชการและด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต ถือว่าเป็นผู้มีส่วนได้เสียผู้หนึ่ง จึงชอบที่จะดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งเพื่อป้องกันมิให้เกิดความเสียหายแก่หน่วยงานของตนได้ การที่จำเลยแจ้งเรื่องที่ทราบมาว่าผู้เสียหายเรียกร้องเอาเงินจากผู้มาติดต่อราชการให้ ศ. ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาทั้งของตนและผู้เสียหายทราบ เพื่อจะได้ดำเนินการสอบสวนหาข้อเท็จจริงต่อไปนั้น เป็นการแสดงความคิดเห็นหรือข้อความที่ถูกกล่าวหาโดยสุจริตเพื่อความ ชอบธรรม ป้องกันส่วนได้เสียเกี่ยวกับตนตามคลองธรรม ตาม ป.อ. มาตรา 329(1).

ย่อยาว

โจทก์ฟ้อง ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326คำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ฉบับที่ 41 ลงวันที่ 21 ตุลาคม2519 ข้อ 7
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 326 คำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ฉบับที่ 41 ลงวันที่21 ตุลาคม 2519 ข้อ 7 ให้จำคุก 3 เดือน ปรับ 1,000 บาท โทษจำคุกให้รอไว้มีกำหนด 2 ปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว คู่ความนำสืบรับกันว่าวันเกิดเหตุจำเลยได้บอกนางศุภลักษณ์เจ้าหน้าที่บริหารงานที่ดินอำเภอสารภีว่า ผู้เสียหายได้เรียกร้องเอาเงินจากนางสาวไพรินทร์ผู้มาติดต่อขอรับมรดกที่ดินเป็นเงิน 500 บาท อ้างว่าจะเอาไปให้นางศุภลักษณ์ มีปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า จำเลยได้กระทำผิดตามฟ้องหรือไม่ ได้ความว่านางสาวไพรินทร์ พยานโจทก์มาถามจำเลยว่า เรื่องโอนที่ดิน เมื่อถึงกำหนดแล้วจะต้องใช้เงินด้วยหรือ จำเลยถามว่าเรื่องเป็นอย่างไรพยานบอกว่าน้า (หมายถึงนางปิยะพรผู้จะซื้อที่ดิน) บอกว่าจะต้องให้เงินเขา 500 บาท แต่จะให้ใครไม่ทราบ จำเลยจึงถามว่าผู้เสียหายเรียกร้องหรือเปล่าพยานว่าไม่ได้เรียกร้อง วันรุ่งขึ้น จำเลยได้ไปเล่าให้นางศุภลักษณ์ฟังว่าผู้เสียหายเรียกร้องเอาเงินดังกล่าวแล้ว เห็นว่า แม้นางสาวไพรินทร์พยานโจทก์จะเบิกความว่า ผู้เสียหายมิได้เรียกร้องเอาเงินจากตนก็ตามแต่ข้อเท็จจริงได้ความจากพยานโจทก์ดังกล่าวด้วยว่าในวันที่พยานไปติดต่อขอรับมรดกที่ดินที่สำนักงานที่ดินอำเภอสารภี ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ทั้งผู้เสียหายและจำเลยต่างประจำทำงานอยู่นั้นพยานได้ไปติดต่อเรื่องกับผู้เสียหายก่อนแล้วจึงได้ไปสอบถามจำเลยเกี่ยวกับเรื่องที่จะต้องมีการให้เงินจำนวน 500 บามกันนั้น ดังนี้กรณีจึงย่อมจะมีมูลทำให้จำเลยเข้าใจได้ว่าผู้เสียหายได้เรียกร้องเอาเงินจากผู้ไปติดต่อขอโอนที่ดิน อันเป็นการมิชอบ ดังนั้นเมื่อมีเหตุเช่นนี้เกิดขึ้นจำเลยซึ่งเป็นข้าราชการประจำอยู่ ณสำนักงานที่ดิน ดังกล่าว มีหน้าที่ต้องปฏิบัติงานด้วยความระมัดระวังมิได้เกิดความเสียหายแก่ทางราชการและด้วยความซื่อสัตย์สุจริตถือได้ว่าเป็นผู้มีส่วนได้เสียผู้หนึ่ง จึงชอบที่จะดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งเพื่อป้องกันมิให้เกิดความเสียหายแก่หน่วยงานของตนได้ การที่จำเลยแจ้งเรื่องให้นางศูภลักษณ์ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาทั้งของตนและของผู้เสียหายทราบเพื่อจะได้ดำเนินการสอบสวนหาข้อเท็จจริงต่อไปนั้น คดีจึงฟังได้ว่าจำเลยได้แสดงความคิดเห็นหรือข้อความที่ถูกกล่าวหาโดยสุจริตเพื่อความชอบธรรม ป้องกันส่วนได้เสียเกี่ยวกับตนตามคลองธรรม กรณีต้องด้วยประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 329 (1)จำเลยไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาท…”
พิพากษายืน.

Share