แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยกับพวกใช้ยากดประสาทอย่างแรงใส่ลงในกาแฟให้ผู้เสียหายดื่มเมื่อผู้เสียหายดื่มแล้วสิ้นสติไปแทบจะทันที แล้วจำเลยกับพวกได้ลักเอาทรัพย์ของผู้เสียหายไป ผู้เสียหายฟื้นคืนสติที่โรงพยาบาลหลังจากเวลาล่วงไปประมาณ 12 ชั่วโมงดังนี้ แม้ผู้เสียหายจะไม่ได้รับอันตรายแก่กายอย่างหนึ่งอย่างใดก็ถือได้ว่าเป็นอันตรายแก่จิตใจของผู้เสียหายแล้ว การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 339 วรรคสาม (วินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ครั้งที่ 9/2531).
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกับพวกร่วมกันชิงทรัพย์ผู้เสียหายทั้งสี่รวมเป็นเงิน 46,003 บาท โดยจำเลยกับพวกร่วมกันใช้ยาสลบใส่ลงในกาแฟให้ผู้เสียหายดื่มจนผู้เสียหายมึนเมาสลบไม่ได้สติ เป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายและจิตใจของผู้อื่นขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 339, 83 และให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ที่ยังไม่ได้คืนราคา 44,715 บาทแก่ผู้เสียหายด้วย
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 339 วรรคสาม ลงโทษจำคุก 12 ปี คืนเงินสด 65บาทของกลางแก่ผู้เสียหายและให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ที่ยังไม่ได้คืนจำนวน 44,715 บาทแก่ผู้เสียหายด้วย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยกับพวกอีก 1 คนร่วมกันใช้กำลังประทุษร้ายโดยใช้ยาสลบผสมในกาแฟให้ผู้เสียหายทั้งสี่ดื่มเป็นเหตุให้ผู้เสียหายทั้งสี่หมดสติไปอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ แล้วจำเลยกับพวกลักเอาทรัพย์ของผู้เสียหายทั้งสี่ไปจึงเป็นความผิดฐานชิงทรัพย์ตามที่โจทก์ฟ้องส่วนที่ว่าการกระทำของจำเลยจะเป็นความผิดฐานชิงทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 339 วรรคสามหรือไม่นั้น ศาลฎีกาโดยมติที่ประชุมใหญ่เห็นว่าข้อเท็จจริงได้ความว่าจำเลยกับพวกใช้สารฟีโนบาร์บิตาลซึ่งเป็นยากดประสาทอย่างแรงใส่ลงในกาแฟให้ผู้เสียหายดื่ม เมื่อผู้เสียหายดื่มแล้วสิ้นสติไปแทบจะทันทีและไปฟื้อนคืนสติที่โรงพยาบาลหลังจากเวลาล่วงไปประมาณ 12 ชั่วโมงแม้ผู้เสียหายจะไม่ได้รับอันตรายแก่กายอย่างหนึ่งอย่างใดก็ถือได้ว่าเป็นอันตรายแก่จิตใจอันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 339 วรรคสาม
พิพากษายืน.