แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คำแถลงการณ์เป็นเพียงคำเสนอของคู่ความเพื่อให้ศาลพิเคราะห์ข้อกฎหมายหรือข้อเท็จจริงของฝ่ายตนเป็นการสรุปคดีในข้อที่เห็นว่าเป็นประโยชน์แก่ตน ซึ่งจะต้องปรากฏอยู่ในท้องสำนวนเท่านั้น แม้คู่ความจะไม่ทำคำแถลงการณ์ศาลก็จะต้องพิจารณาข้อกฎหมายและข้อเท็จจริงตลอดท้องสำนวนอยู่แล้วทั้งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 186 มิได้มีบทบังคับในกรณีที่คู่ความฝ่าฝืนบทบัญญัติว่าด้วยการส่งสำเนาคำแถลงการณ์คำแถลงการณ์ที่ยื่นฝ่าฝืนกฎหมายโดยไม่ได้ส่งสำเนาให้คู่ความอีกฝ่ายจึงหามีผลเสียไปไม่
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยจ้างโจทก์เป็นลูกจ้างประจำ โจทก์ลาออกจากงานโดยจำเลยไม่จ่ายเงินตอบแทนผลประโยชน์ซึ่งต้องจ่ายให้โจทก์ ขอให้บังคับจำเลยจ่ายเงินดังกล่าวให้โจทก์พร้อมดอกเบี้ย
จำเลยให้การว่าไม่มีข้อตกลงระหว่างโจทก์จำเลยในเรื่องจ่ายเงินตอบแทนผลประโยชน์ โจทก์ทำหน้าที่บกพร่อง ฝ่าฝืนคำสั่ง่ของจำเลยก่อให้เกิดความเสียหายแก่จำเลย ขาดงานเกินกว่าสามวันขึ้นไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่สามารถได้รับเงินตอบแทนผลประโยชน์
ศาลแรงงานกลางพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า คำแถลงการณ์เป็นเพียงคำเสนอของคู่ความเพื่อให้ศาลพิเคราะห์ข้อกฎหมายหรือข้อเท็จจริงของฝ่ายตน เป็นการสรุปคดีในข้อเที่เห็นว่าเป็นประโยชน์แก่ตน ซึ่งจะต้องปรากฏอยู่ในท้องสำนวน จะนอกเหนือผิดแผกแตกต่างกว่านั้นหาได้ไม่ แม้คู่ความจะไม่ทำคำแถลงการณ์ประการใดเลยศาลก็จำเป็นต้องพิจารณาข้อกฎหมายและข้อเท็จจริงตลอดท้องสำนวนอยู่แล้วมิใช่พิเคราะห์เฉพาะเท่าที่คู่ความฝ่ายนั้นเสนอตามคำแถลงการณ์ ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 186 จึงไม่มีบทบังคับว่า หากคู่ความฝ่ายที่ทำคำแถลงการณ์ไม่ส่งสำเนาคำแถลงการณ์ไปยังคู่ความฝ่ายอื่นแล้ว ผลแห่งการฝ่าฝืนกฎหมายนั้นจะเป็นประการใด คำแถลงการณ์ของจำเลยไม่อาจโน้มน้าวทำให้ศาลแรงงานกลางคล้อยตามไปด้วยได้ ศาลแรงงานกลางจึงมิได้หยิบยกคำแถลงการณ์ดังกล่าวขึ้นวินิจฉัยหากแต่วินิจฉัยด้วยเหตุผลของศาลแรงงานกลางเองโดยเฉพาะ ด้วยเหตุที่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมิได้มีบทบังคับในกรณีที่คู่ความฝ่าฝืนบทบัญญัติว่าด้วยการส่งสำเนาคำแถลงการณ์คำแถลงการณ์ของจำเลยหามีผลเสียไปไม่ กระบวนพิจารณาของศาลแรงงานกลางนับแต่จำเลยยื่นคำแถลงการณ์ แม้จะฝ่าฝืนกฎหมาย แต่ยังไม่มีเหตุเพียงพอที่จะเพิกถอนและไม่อาจจะถือเอาเหตุดังกล่าวเพื่อให้โจทก์ชนะคดีได้
โ่จทก์อุทธรณ์ว่าศาลแรงงานกลางวินิจฉัยคดีขัดและผิดแผกแตกต่างไปจากพยานหลักฐานที่ปรากฏในสำนวน แต่ปรากฏว่เนื้อหาในอุทธรณ์ของโจทก์สรุปได้ว่าไม่ให้ศาลรับฟังพยานจำเลย ควรรับฟังพยานโจทก์ตามที่โจทก์นำสืบจึงเป็นอุทธรณ์ในข้อเท็จจริง เป็นการโต้แย้งดุลพินิจในการชั่งน้ำหนักรับฟังพยานหลักฐานของศาลแรงงานทั้งสิ้น หาใช่ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยคดีขัดและผิดแผกแตกต่างไปจากพยานหลักฐานที่ปรากฏในสำนวน
พิพากษายืน