แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คำฟ้องที่บรรยายว่าจำเลยจำนองที่ดินไว้กับโจทก์เพื่อประกันส.และว. ซึ่งเป็นลูกหนี้โจทก์ กำหนดไถ่ถอนภายใน 18 เดือนพ้นกำหนดแล้วจำเลยไม่ชำระหนี้ ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินต้นและดอกเบี้ย เป็นคำฟ้องที่ชัดแจ้งตาม ป.วิ.พ. มาตรา 172 วรรคสองแล้ว ส่วนหนี้ของส.และว.เป็นหนี้อะไร เป็นรายละเอียดที่นำสืบได้ในชั้นพิจารณา ไม่ต้องบรรยายมาในฟ้องโจทก์ฟ้องบังคับตามสัญญาจำนอง มิได้ฟ้องบังคับตามสัญญาเช่าซื้อ จำเลยก็รับว่าเป็นหนี้เกิดจากสัญญาเช่าซื้อ โจทก์จึงไม่ต้องแนบสัญญาเช่าซื้อมาท้ายฟ้องฟ้องของโจทก์ไม่เคลือบคลุม ป.พ.พ. ไม่มีบทบัญญัติว่า ผู้ชำระบัญชีของห้างหุ้นส่วนจะต้องชำระบัญชีให้เสร็จภายในกำหนดเวลาใด ดังนั้น ตราบใดที่การชำระบัญชียังไม่เสร็จ ผู้ชำระบัญชีย่อมมีอำนาจตาม ป.พ.พ. มาตรา 1259ซึ่งรวมทั้งอำนาจว่าต่างในนามห้าง ๆ นั้นในอรรถคดีด้วย ระยะเวลาการชำระบัญชีไม่ใช่อายุความ จะนำบทบัญญัติเรื่องอายุความมาใช้บังคับไม่ได้ สัญญาจำนองระบุไม่คิดดอกเบี้ย แก่กัน แต่เมื่อหนี้ถึงกำหนดและโจทก์มีหนังสือทวงถามและให้ไถ่ถอนจำนองแล้ว จำเลยไม่ชำระจำเลยจึงตกเป็นผู้ผิดนัดต้องรับผิดชำระดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันผิดนัดตาม ป.พ.พ. มาตรา224 วรรคหนึ่ง.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นผู้ชำระบัญชีห้างหุ้นส่วนจำกัดราชบุรีจินดาพานิช ซึ่งโจทก์เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการห้างดังกล่าวด้วย เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2512 จำเลยทำสัญญาจำนองที่ดินโฉนดเลขที่ 7352ตำบลบางขุนกอง อำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี ไว้กับโจทก์เพื่อเป็นประกันนายสุรศักดิ์ รอดเกิด และนายวิบูลย์ บุญญทวีวัฒนะซึ่งเป็นลูกหนี้โจทก์เป็นเงิน 300,500 บาท ครบกำหนดและโจทก์ทวงถามแล้ว จำเลยไม่นำเงินมาชำระหนี้และไถ่ถอนจำนอง ขอให้บังคับจำเลยชำระเงิน 413,187.50 บาท ให้โจทก์พร้อมดอกเบี้ย หากจำเลยไม่ชำระให้ยึดทรัพย์สินจำนองขายทอดตลาดชำระหนี้โจทก์
จำเลยให้การว่า จำเลยทำสัญญาจำนองโดยไม่คิดดอกเบี้ยต่อกันและเมื่อนายวิบูลย์ และนายสุรศักดิ์ ได้ทำสัญญาเช่าซื้อรถ 7 คันแล้วไม่ส่งค่างวด โจทก์ตกลงเลิกสัญญาและยึดรถคืนหมดทุกคันสัญญาเช่าซื้อจึงระงับ สัญญาจำนองอันเป็นสัญญาอุปกรณ์ย่อมระงับด้วยฟ้องโจทก์เคลือบคลุม โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง คดีโจทก์ขาดอายุความและโจทก์ไม่มีสิทธิเรียกดอกเบี้ยจากจำเลย ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน300,500 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีในต้นเงินจำนวนดังกล่าวนับแต่วันที่ 14 กรกฎาคม 2527 เป็นต้นไป จนกว่าจะชำระแก่โจทก์เสร็จ หากไม่ชำระให้ยึดที่ดินที่จำนองขายทอดตลาดชำระหนี้ให้โจทก์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายตามที่จำเลยฎีกาว่าฟ้องเคลือบคลุมว่า โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยจำนองที่ดินไว้กับโจทก์เพื่อประกันนายสุรศักดิ์ รอดเกิด และนายวิบูลย์ บุญญทวีวัฒนะ ซึ่งเป็นลูกหนี้โจทก์อยู่เป็นจำนวน 300,500 บาท กำหนดไถ่ถอนภายใน 18 เดือนปรากฏตามสำเนาภาพถ่ายหนังสือสัญญาจำนองท้ายฟ้อง พ้นกำหนดแล้วจำเลยไม่ชำระหนี้ โจทก์มีหนังสือบอกกล่าวให้จำเลยชำระหนี้และบังคับจำนองแล้ว จำเลยไม่ชำระ ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินต้นและดอกเบี้ยให้โจทก์ คำฟ้องดังกล่าวแสดงโดยชัดแจ้งซึ่งสภาพแห่งข้อหาและคำขอบังคับ ทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาเช่นว่านั้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172 วรรคสอง แล้วส่วนหนี้ของนายสุรศักดิ์ รอดเกิด และนายวิบูลย์ บุญญทวีวัฒนะเป็นหนี้อะไรนั้น เป็นรายละเอียดซึ่งโจทก์นำสืบในชั้นพิจารณาได้โดยไม่ต้องบรรยายมาในฟ้องและโจทก์นำสืบฟังได้ว่าเป็นหนี้เกิดจากเช่าซื้อคือเงินดาวน์ 300,000 บาท กับค่าธรรมเนียมอีก 500 บาท โจทก์ฟ้องบังคับตามสัญญาจำนอง มิได้ฟ้องบังคับตามสัญญาเช่าซื้อ ทั้งจำเลยก็รับว่าเป็นหนี้เกิดจากสัญญาเช่าซื้อโจทก์จึงไม่จำต้องแนบสัญญาเช่าซื้อมาท้ายฟ้องด้วย ฟ้องของโจทก์ไม่เคลือบคลุม
ส่วนที่จำเลยฎีกาว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง เพราะนายจิตติอัคคพงษ์กุล ได้รับหน้าที่เป็นผู้ชำระบัญชีของห้างหุ้นส่วนจำกัดราชบุรีจินดาพานิช ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2516 จึงต้องชำระบัญชีของห้างดังกล่าวให้เสร็จสิ้นภายใน 10 ปี เมื่อมิได้ชำระบัญชีให้เสร็จสิ้นภายในเวลาดังกล่าว อำนาจของผู้ชำระบัญชีจึงสิ้นสุดลงนั้น เห็นว่า ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มิได้มีบทบัญญัติว่า ผู้ชำระบัญชีของห้างหุ้นส่วนจะต้องชำระบัญชีให้เสร็จภายในกำหนดเวลาใด ดังนั้นตราบใดที่การชำระบัญชียังไม่เสร็จ ผู้ชำระบัญชีย่อมมีอำนาจตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1259ซึ่งรวมทั้งอำนาจว่าต่างในนามห้างหุ้นส่วนจำกัดนั้นในอรรถคดีด้วยที่จำเลยอ้างว่าเมื่อประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มิได้บัญญัติว่าผู้ชำระบัญชีจะต้องชำระบัญชีเสร็จภายในเวลาเท่าใด ก็ต้องนำบทบัญญัติว่าด้วยอายุความทั่วไปมาบังคับคือภายใน 10 ปี ตามมาตรา 164นั้น เห็นว่าอายุความดังกล่าวเป็นอายุความเกี่ยวกับสิทธิเรียกร้องถ้ามิได้ใช้บังคับเสียภายในระยะเวลาอันกฎหมายกำหนดไว้ เป็นอันขาดอายุความตามมาตรา 163 แต่ระยะเวลาการชำระบัญชีไม่ใช่อายุความจึงจะนำบทบัญญัติเรื่องอายุความมาใช้บังคับไม่ได้
ที่จำเลยฎีกาว่า สัญญาจำนองระบุว่าไม่คิดดอกเบี้ยแก่กันโจทก์ไม่มีสิทธิคิดดอกเบี้ยจากจำเลยนั้น เห็นว่า แม้โจทก์ไม่มีสิทธิคิดดอกเบี้ยจากจำเลยตั้งแต่ต้นก็ตาม แต่เมื่อหนี้ถึงกำหนดชำระและโจทก์มีหนังสือทวงถามให้จำเลยชำระหนี้และไถ่ถอนจำนองภายใน 30 วันนับแต่วันได้รับหนังสือ ปรากฏว่าจำเลยได้รับหนังสือวันที่ 13มิถุนายน 2527 แต่จำเลยมิได้ชำระหนี้จำนวน 300,500 บาท ภายในกำหนดคือวันที่ 13 กรกฎาคม 2527 จำเลยจึงตกเป็นผู้ผิดนัดต้องรับผิดชำระดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีตั้งแต่ผิดนัดคือวันที่ 14 กรกฎาคม 2527 เป็นต้นไป ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 224 วรรคหนึ่งด้วย
พิพากษายืน.