แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องบรรยายว่ามีคนร้ายลักทรัพย์ของผู้เสียหายไปแล้วต่อมาจำเลยได้เก็บทรัพย์ซึ่งถูกคนร้ายลักไปนั้นได้ แล้วจำเลยมีเจตนาทุจริตยักยอกเอาไว้เป็นประโยชน์ของจำเลยเสียไม่กระทำตามกฎหมายที่บังคับไว้สำหรับการเก็บของตก ของหาย ขอให้ลงโทษตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 318 ดังนี้ทรัพย์ที่หาว่ายักยอกเป็นทรัพย์ที่ถูกคนร้ายลักไป ยังเรียกไม่ได้ว่าเป็นของตกหาย ตามความหมายแห่ง ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 318 จำเลยจึงยังไม่ผิดตามที่โจทก์ฟ้อง
(อ้างฎีกาที่ 138/2492)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องหาว่า มีคนร้ายลักปากกาหมึกซึมของนายทองไป ๑ ด้าม ต่อมาจำเลยเก็บปากกาซึ่งถูกคนร้ายลักไปนั้นได้ แล้วจำเลยมีเจตนาทุจริตยักยอกเอาไว้เป็นประโยชน์ของจำเลยเสีย ไม่กระทำตามกฎหมายที่บังคับไว้สำหรับการเก็บของตกของหาย ขอให้ลงโทษตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา ๓๑๘
จำเลยรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นเห็นว่า ปากกานี้ถูกคนร้ายลักไป ไม่ใช่ของตกของหาย จำเลยยังไม่ผิดตามฟ้อง ตามนัยฎีกาที่ ๑๓๘/๒๔๙๒ พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ตามฟ้องของโจทก์ปรากฎว่าปากกาของนายทองถูกคนร้ายลักเอาไป จึงยังเรียกไม่ได้ว่าเป็นของตกของหาย ตามความหมายแห่งมาตรา ๓๑๘ แห่ง ก.ม.ลักษณะอาญา จำเลยไม่มีความผิดตามกฎหมายที่โจทก์ขอให้ลงโทษ ตามนัยแห่งคำพิพากษาฎีกาที่ศาลชั้นต้นอ้างไว้
จึงพิพากษายืน