คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3252/2534

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

การที่จะขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบตาม ป.วิ.พ. มาตรา 27 นั้น ต้องขอก่อนศาลมีคำพิพากษา ส่วนการขอให้พิจารณาใหม่หลังจากศาลมีคำพิพากษาแล้ว ต้องเป็นเรื่องแพ้คดีเพราะขาดนัดพิจารณาตาม ป.วิ.พ. มาตรา 207 จำเลยอ้างว่า ไม่เคยได้รับหมายเรียกและสำเนาคำฟ้อง ไม่ได้แต่งทนาย สัญญาประนีประนอมยอมความตามที่ทนายความทำแทนไม่ผูกพันจำเลย คำพิพากษาตามยอมไม่อาจบังคับได้ ขอให้เพิกถอนกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้น ซึ่งเป็นเวลาหลังจากศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาตามยอมแล้ว และมิใช่เป็นการพิจารณาคดีโดยขาดนัดพิจารณา จำเลยจึงไม่มีสิทธิขอให้เพิกถอนกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้น และไม่มีสิทธิขอให้พิจารณาคดีใหม่ หากจำเลยได้รับความเสียหายอย่างไรก็ย่อมมีสิทธิฟ้องบุคคลที่เกี่ยวข้องขอให้ศาลพิพากษาว่าสัญญาประนีประนอมยอมความและคำพิพากษาตามยอมในคดีนี้ไม่ผูกพันตนได้.

ย่อยาว

คดีนี้สืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องบังคับจำเลยทั้งสองชำระหนี้จำเลยทั้งสองตกลงยอมชำระเงินจำนวน 30,000 บาท แก่โจทก์ โดยผ่อนชำระเป็นงวด ๆ หากผิดนัดงวดใดงวดหนึ่งยินยอมให้บังคับคดีได้ทันทีโจทก์ตกลงและได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกัน ศาลชั้นต้นพิพากษาตามยอม ต่อมาจำเลยทั้งสองผิดนัดไม่ชำระหนี้โจทก์ขอหมายบังคับคดีศาลชั้นต้นได้ออกหมายบังคับคดี โจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดีไปทำการยึดที่ดินของจำเลยที่ 1 และประกาศขายทอดตลาดนำเงินไปชำระหนี้แก่โจทก์เรียบร้อยแล้ว
จำเลยที่ 1 ยื่นคำแถลงขอรับเงินที่เหลือจากการชำระหนี้ให้แก่โจทก์ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า มีการอายัดเงินของจำเลยที่ 1 ไปไว้ในคดีที่นางเกลียวเป็นโจทก์แล้ว จึงยังไม่อาจคืนเงินของจำเลยที่ 1ให้ได้ ให้ยกคำแถลงของจำเลยที่ 1
จำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นพิจารณาคดีใหม่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าจำเลยที่ 1 มิได้ขาดนัดพิจารณา จึงไม่อาจขอให้พิจารณาคดีใหม่ได้ ให้ยกคำร้อง ค่าคำร้องให้เป็นพับ
จำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนกระบวนพิจารณาคดีทั้งหมดแล้วดำเนินกระบวนพิจารณาคดีใหม่ตามรูปคดี ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าศาลมีคำพิพากษาแล้ว จึงไม่อาจเพิกถอนกระบวนพิจารณาได้ ให้ยกคำร้องค่าคำร้องเป็นพับ
จำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องว่าสัญญากู้ที่โจทก์นำมาฟ้องจำเลยที่ 1ในฐานะผู้กู้และจำเลยที่ 2 ในฐานะผู้ค้ำประกันนั้น จำเลยที่ 1ไม่ได้ลงลายมือชื่อในสัญญากู้ โจทก์และจำเลยที่ 2 กับพวกร่วมกันปลอมขึ้นทั้งฉบับ เมื่อโจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1 แล้ว จำเลยที่ 1 ไม่ได้รับหมายเรียกเพราะจำเลยที่ 1 ไปทำไร่อยู่ที่จังหวัดปราจีนบุรีรายงานของเจ้าหน้าที่ที่ว่าจำเลยที่ 1 รับหมายและสำเนาฟ้องเองจึงไม่ชอบ จำเลยที่ 1 ไม่ได้แต่งตั้งทนายความดำเนินคดีแทน จำเลยที่ 2 กับพวกร่วมกันปลอมลายมือชื่อจำเลยที่ 1 ในใบแต่งทนายความที่ทนายความตกลงทำสัญญาประนีประนอมยอมความแทนจำเลยที่ 1 จึงไม่มีผลผูกพันจำเลยที่ 1 ขอให้ไต่สวนคำร้องของจำเลยที่ 1 และมีคำสั่งเพิกถอนกระบวนพิจารณาที่มีผลผูกพันแต่เฉพาะจำเลยที่ 1
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า คดีนี้ศาลมีคำพิพากษาแล้ว ไม่อาจเพิกถอนกระบวนพิจารณาได้ และไม่มีเหตุเปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิมยกคำร้อง
จำเลยที่ 1 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน
จำเลยที่ 1 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “จำเลยที่ 1 ฎีกาข้อแรกว่า อุทธรณ์ของจำเลยที่ 1 เป็นอุทธรณ์ที่ชอบด้วยกฎหมายชอบที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1จะต้องวินิจฉัย เห็นว่า แม้ศาลอุทธรณ์ภาค 1 จะวินิจฉัยว่าอุทธรณ์ของจำเลยที่ 1 ไม่ได้โต้แย้งคัดค้านคำสั่งของศาลชั้นต้น เป็นอุทธรณ์ไม่ชอบ ไม่รับวินิจฉัยก็ตาม แต่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 ก็ได้ก้าวล่วงเข้าไปวินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยที่ 1 ด้วยแล้วว่าจำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นเพิกถอนกระบวนพิจารณาหลังจากศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาแล้ว ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 27 การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้องจึงชอบแล้ว พิพากษายืน ถือได้ว่าศาลอุทธรณ์ภาค 1 ได้รับวินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยที่ 1 แล้ว
ปัญหาต่อไปมีว่า จำเลยที่ 1 มีสิทธิขอให้เพิกถอนกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นและดำเนินกระบวนพิจารณาใหม่ในส่วนของจำเลยที่ 1หรือไม่ เห็นว่า การที่จะขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 27 นั้นต้องขอก่อนศาลนั้นมีคำพิพากษา ส่วนการขอให้พิจารณาใหม่หลังจากศาลมีคำพิพากษาแล้ว ต้องเป็นเรื่องแพ้คดีเพราะขาดนัดพิจารณาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 207 แต่คดีนี้จำเลยที่ 1อ้างว่า จำเลยที่ 1 ไม่เคยได้รับหมายเรียกและสำเนาฟ้อง ไม่ได้แต่งทนายความสัญญาประนีประนอมยอมความตามที่ทนายความทำแทนจำเลยที่ 1ไม่ผูกพันจำเลยที่ 1 คำพิพากษาตามยอมไม่อาจบังคับจำเลยที่ 1 ได้ขอให้เพิกถอนกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นดังกล่าว ซึ่งเป็นเวลาหลังจากศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาตามยอมแล้ว และมิใช่จำเลยที่ 1 แพ้คดีเพราะขาดนัดพิจารณา จำเลยที่ 1 จึงไม่มีสิทธิขอให้เพิกถอนกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นและขอให้ดำเนินกระบวนพิจารณาใหม่ หากจำเลยที่ 1 ได้รับความเสียหายอย่างไร ก็ย่อมมีสิทธิฟ้องบุคคลที่เกี่ยวข้องขอให้ศาลพิพากษาว่าสัญญาประนีประนอมยอมความและคำพิพากษาตามยอมในคดีนี้ไม่ผูกพันตนได้ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาให้ยกคำร้องของจำเลยที่ 1 ชอบแล้ว ฎีกาของจำเลยที่ 1 ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน.

Share