คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3244/2531

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การอ้างเอกสารเป็นพยานตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 93 ให้ยอมรับฟังได้เฉพาะต้นฉบับเอกสารเท่านั้น สำเนาภาพถ่ายเช็คและใบคืนเช็คที่เจ้าหนี้อ้างส่งต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เพื่อประกอบการพิจารณาคำขอรับชำระหนี้มิใช่ต้นฉบับจึงต้องห้ามมิให้รับฟัง และถือว่าเจ้าหนี้ไม่มีพยานหลักฐานมาแสดงต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ให้ฟังได้ว่าลูกหนี้เป็นหนี้เจ้าหนี้ตามเช็คพิพาทจึงต้องห้ามมิให้ได้รับชำระหนี้ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศกราช 2483มาตรา 94
พระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 105 ได้ให้อำนาจเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ออกหมายเรียกเจ้าหนี้หรือบุคคลใดมาสอบสวนเกี่ยวกับเรื่องหนี้สิน แล้วทำความเห็นส่งสำนวนเรื่องหนี้สินที่ขอรับชำระนั้นต่อศาล การที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ทำความเห็นเสนอศาลชั้นต้นว่า เห็นควรยกคำขอรับชำระหนี้ของเจ้าหนี้เสียนั้นก็มีผลเท่ากับว่า เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้โต้แย้งคำขอรับชำระหนี้รายนี้แล้ว.

ย่อยาว

มูลกรณีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้พิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้เด็ดขาด เจ้าหนี้ยื่นคำขอรับชำระหนี้จากกองทรัพย์สินของลูกหนี้
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำขอรับชำระหนี้ของเจ้าหนี้
เจ้าหนี้อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
เจ้าหนี้ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของเจ้าหนี้ว่าจะควรอนุญาตให้เจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้ตามที่ขอรับชำระหนี้หรือไม่ ที่เจ้าหนี้ฎีกาว่าเจ้าหนี้ไม่ได้ส่งต้นฉบับเช็คและใบคืนเช็คทั้งสามฉบับต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์นั้นเพราะเอกสารดังกล่าวอยู่ในสำนวนของศาลแล้ว มิได้อยู่ในความครอบครองของเจ้าหนี้ย่อมได้รับข้อยกเว้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 93 นั้น เห็นว่าพยานเอกสารที่เจ้าหนี้ได้อ้างส่งคือเช็คและใบคืนเช็ครวม 3 ฉบับ ตามเอกสารหมาย จ.1 ถึง จ.3 เพื่อประกอบการพิจารณาคำขอรับชำระหนี้ของเจ้าหนี้นั้นเป็นเพียงสำเนาภาพถ่ายเอกสาร ซึ่งเจ้าหนี้ได้แถลงขอผัดส่งต้นฉบับเอกสารดังกล่าวต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ในภายหลัง และเมื่อถึงกำหนดตามนัดเจ้าหนี้ได้ผิดนัดและมิได้แจ้งเหตุขัดข้องแต่ประการใดเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ยังได้หมายนัดให้เจ้าหนี้นำส่งเอกสารใหม่อีกครั้งหนึ่ง ซึ่งเจ้าหนี้ได้รับหมายนัดโดยชอบแล้ว แต่ก็มิได้นำส่งต้นฉบับเอกสารและไม่แจ้งเหตุขัดข้องให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ทราบว่า ต้นฉบับเอกสารดังกล่าวอยู่ที่ศาลชั้นต้น การที่จะวินิจฉัยว่าจะควรอนุญาตให้เจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้ตามที่ขอรับชำระหนี้หรือไม่นั้น เมื่อเจ้าหนี้อ้างว่าถูกลูกหนี้เป็นหนี้ตามเช็คก็เป็นหน้าที่ของเจ้าหนี้ที่จะต้องนำสืบให้ฟังได้ว่ามีเช็คนั้นจริง การอ้างเอกสารเป็นพยานตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 93 ให้ยอมรับฟังได้เฉพาะต้นฉบับเอกสารเท่านั้น สำเนาภาพถ่ายเช็คและใบคืนเช็คที่เจ้าหนี้ส่งต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์นั้น มิใช่ต้นฉบับจึงต้องห้ามมิให้รับฟัง และถือว่าเจ้าหนี้ไม่มีหยานหลักฐานมาแสดงต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ให้ฟังได้ว่าลูกหนี้เป็นหนี้เจ้าหนี้ตามเช็คพิพาทจริง จึงต้องห้ามมิให้ได้รับชำระหนี้ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช 2483 มาตรา94 ส่วนที่เจ้าหนี้ฎีกาว่า คำขอรับชำระหนี้ของเจ้าหนี้ซึ่งยื่นไว้ไม่ปรากฏว่ามีผู้ใดโต้แย้งคัดค้านนั้น เห็นว่า ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช 2483 มาตรา 105 ได้ให้อำนาจเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ออกหมายเรียกเจ้าหนี้ลูกหนี้หรือบุคคลใดมาสอบสวนเกี่ยวกับเรื่องหนี้สิน แล้วทำความเห็นส่งสำนวนเรื่องหนี้สินที่ขอรับชำระนั้นต่อศาล การที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ทำการสอบสวนและทำความเห็นเสนอศาลชั้นต้นว่าเห็นควรยกคำขอรับชำระหนี้ของเจ้าหนี้เสียนั้นก็มีผลเท่ากับว่าเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้โต้แย้งคำขอรับชำระหนี้รายนี้แล้ว ที่ศาลล่างทั้งสองให้ยกคำขอรับชำระหนี้ของเจ้าหนี้ต้องกันมานั้นชอบแล้ว ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยฎีกาของเจ้าหนี้ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน.

Share