คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3234/2522

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ในคำฟ้องช่องคู่ความ โจทก์ระบุชื่อจำเลยว่า สายเดินเรือเมอสค์สาขากรุงเทพฯ และบรรยายในฟ้องว่า จำเลยอันหมายถึงบริษัทดัมป์สกิปเซลสกาเบ็ทอาฟ1912อักตีเซลสกาปจำกัด และบริษัทอักตีเซลสกาเบ็ทดัมป์สกิปเซลสกาเบ็ทสเว็นด์บอร์ก จำกัด ซึ่งจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลตามกฎหมายของราชอาณาจักรแห่งประเทศเดนมารค์ ดำเนินธุรกิจในการขนส่งทางทะเลและจดทะเบียนพาณิชย์ต่อสำนักงานทะเบียนพาณิชย์กระทรวงพาณิชย์ และใช้ชื่อในการประกอบการพาณิชยกิจว่า “สายเดินเรือเมอสค์สาขากรุงเทพฯ” โดยมีสำนักทำการงานเพื่อดำเนินกิจการดังกล่าว สำนักงานแห่งใหญ่อยู่เลขที่ 231/2 ถนนสาธรใต้ ตำบลยานนาวา อำเภอยานนาวา กรุงเทพมหานคร เป็นที่เห็นได้ว่า โจทก์ฟ้องบริษัทดัมป์สกิปเซลสกาเบ็ทอาฟ1912อักตีเซลสกาป จำกัด และบริษัทอักตีเซลสกาเบ็ทดัมป์สกิปเซลสกาเบ็ทสเว็นด์บอร์ก จำกัด ซึ่งใช้ชื่อในการประกอบกิจการพาณิชย์ด้านรับส่งสินค้าในประเทศไทยว่า “สายเดินเรือเมอสค์ สาขากรุงเทพฯ” หาใช่ฟ้องสายเดินเรือเมอสค์ สาขากรุงเทพฯ ให้ใช้ค่าสินไหมทดแทนตามลำพังตนเองไม่ และดังนั้นสายเดินเรือเมอสค์ สาขากรุงเทพฯจึงอยู่ในฐานะเป็นสำนักทำการงาน อันเกิดจากการประกอบกิจการร่วมกันของบริษัททั้งสองดังกล่าว มิใช่กิจการและบุคคลต่างหากออกไป ถือได้ว่าสายเดินเรือเมอสค์ สาขากรุงเทพฯเป็นสำนักงานสาขาของบริษัททั้งสอง เมื่อบริษัททั้งสองมีสำนักงานสาขาอยู่ในประเทศไทย ซึ่งตามกฎหมายถือว่าถิ่นที่มีสาขาสำนักงานเป็นภูมิลำเนาในส่วนกิจการอันทำ ณ ที่นั้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 71 โจทก์จึงฟ้องจำเลยต่อศาลแพ่งได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 4(2)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยอันหมายถึงบริษัทดัมป์สกิปเซลสกาเบ็ท อาฟ1912 อักตีเซลสกาป จำกัด และบริษัทอักตีเซลสกาเบ็ท ดัมป์สกิปเซลสกาเบ็ทสเว็นด์บอร์ก จำกัด ซึ่งจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลตามกฎหมายแห่งประเทศเดนมาร์ก ดำเนินธุรกิจขนส่งทางทะเล และจดทะเบียนพาณิชย์ต่อสำนักงานทะเบียนพาณิชย์ กระทรวงพาณิชย์ และใช้ชื่อในการประกอบพาณิชยกิจว่า”สายเดินเรือเมอสค์ สาขากรุงเทพฯ” โดยมีสำนักทำการงานเพื่อกิจการดังกล่าวในกรุงเทพมหานคร โจทก์รับประกันภัยสินค้าเครื่องเวชภัณฑ์ จำนวน 5 ลังซึ่งส่งจากประเทศฟิลิปปินส์มาให้บริษัทฯ ในประเทศไทย จำเลยตกลงเป็นผู้รับขนส่งสินค้าตามที่โจทก์รับประกันภัยไว้ ปรากฏว่าสินค้าดังกล่าวที่เอาประกันภัยไว้กับโจทก์ขาดจำนวนทั้งหมด โจทก์ในฐานะผู้รับประกันภัยต้องจ่ายเงินให้เต็มตามทุนประกันภัย โจทก์จึงเป็นผู้รับช่วงสิทธิ ขอให้จำเลยชดใช้ค่าสินไหมทดแทน พร้อมดอกเบี้ย

จำเลยให้การว่า จำเลยมิได้เป็นนิติบุคคล ไม่อาจเป็นคู่ความในคดีนี้จำเลยไม่มีนิติสัมพันธ์กับโจทก์ ฯลฯ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องต่อศาลแพ่ง ผู้ขนส่งและผู้ส่งได้ตกลงกันว่าหากเกิดข้อพิพาทตามสัญญารับขนให้นำคดีไปสู่ศาลและใช้กฎหมายของประเทศเดนมาร์กบังคับซึ่งผู้ขนส่งมีภูมิลำเนาอยู่ขอให้พิพากษายกฟ้อง

ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า จำเลยมิใช่นิติบุคคล เป็นเพียงตัวแทนของบริษัท ฯลฯ ซึ่งจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลอยู่ที่ประเทศเดนมาร์ก โจทก์จะฟ้องขอให้จำเลยชดใช้ค่าสินไหมทดแทนตามลำพังตนเองหาได้ไม่ ไม่วินิจฉัยประเด็นอื่นพิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า บริษัททั้งสองมีสำนักงานสาขาอยู่ในประเทศไทยก็อยู่ในฐานะที่จะถูกฟ้องเป็นจำเลยต่อศาลแพ่งได้ พิพากษายกคำพิพากษาของศาลชั้นต้น และให้ศาลชั้นต้นวินิจฉัยประเด็นข้ออื่นที่ยังมิได้วินิจฉัยแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ในช่องคู่ความ โจทก์ระบุชื่อจำเลยว่า สายเดินเรือเมอสค์ สาขากรุงเทพฯ และบรรยายในฟ้องว่า จำเลยอันหมายถึงบริษัทดัมป์สกิปเซลสกาเบ็ท อาฟ 1912 อักตีเซลสกาป จำกัด และบริษัทอักตีเซลสกาเบ็ท ดัมป์สกิปเซลสกาเบ็ท สเว็นด์บอร์ก จำกัด ซึ่งจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลตามกฎหมายของราชอาณาจักรแห่งประเทศเดนมาร์ก ดำเนินธุรกิจในการขนส่งทางทะเล และจดทะเบียนพาณิชย์ต่อสำนักงานทะเบียนพาณิชย์กระทรวงพาณิชย์ และใช้ชื่อในการประกอบการพาณิชยกิจ่วา “สายเดินเรือเมอสค์ สาขากรุงเทพฯ” โดยมีสำนักทำการงานเพื่อดำเนินกิจการดังกล่าวในกรุงเทพมหานคร เป็นที่เห็นได้ว่า โจทก์ฟ้องบริษัทดัมป์สกิปเซลสกาเบ็ทอาฟ 1912 อักตีเซลสกาฟ จำกัด และบริษัทอักตีเซลสกาเบ็ท ดัมป์สกิปเซลสกาเบ็ท สเว็นด์บอร์ก จำกัด ซึ่งใช้ชื่อในการประกอบกิจการพาณิชย์ด้านรับส่งสินค้าในประเทศไทยว่า “สายเดินเรือเมอสค์ สาขากรุงเทพ”หาใช่ฟ้องสายเดินเรือเมอสค์ สาขากรุงเทพฯ ให้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนตามลำพังตนเองไม่ เพราะเมื่อได้ตรวจดูเอกสารหมาย จ.9 ซึ่งเป็นหนังสือมอบอำนาจมีข้อความสรุปว่า บริษัทดัมป์สกิปเซลสกาเบ็ท อาฟ 1912อักตีเซลสกาป จำกัด บริษัทอักตีเซลสกาเบ็ท ดัมป์สกิปเซลสกาเบ็ท สเว็นด์บอร์ก จำกัด ขอแต่งตั้งนายเค็ล โชแมน โจแฮนเซ่น มีอำนาจเต็มในการจดทะเบียนกับสำนักงานและองค์การของรัฐบาลไทยจัดการทั่วไปในกิจการประจำวันของบริษัททั้งสองในประเทศไทย ฟ้องร้องดำเนินการและแก้อรรถคดีในโรงศาลในประเทศไทย ใช้และลงนามในชื่อและแบบของสำนักงานสาขาของบริษัทในประเทศไทย ซึ่งจะออกใช้ในลักษณะใด ๆ รวมทั้งสายเดินเรือเมอสค์ บริษัทดัมป์สกิปเซนสกาเบ็ท อาฟ 1912 อักตีเซลสกาป จำกัด บริษัทอักตีเซลสกาเบ็ท ดัมป์สกิปเซลสกาเบ็ทสเว็นด์บอร์ก จำกัด หรือ “สายเดินเรือเมอสค์ สาขากรุงเทพฯ” ท้ายเอกสารฉบับนี้ลงชื่อบริษัททั้งสองดังกล่าวแล้ว และได้ประทับตราสถานกงสุลใหญ่ไทยประจำกรุงโคเปนเฮเกน นอกจากนี้ปรากฏตามเอกสารหมาย จ.12 ซึ่งเป็นสำเนาคำขอจดทะเบียนพาณิชย์ กรมทะเบียนการค้า กระทรวงพาณิชย์สรุปข้อคาวมว่า นายเค็ล โชแมน โสแฮนเซ่น ผู้ลงลายมือชื่อข้างท้ายเอกสารนี้ได้จดทะเบียนใช้ชื่อเรียกในการประกอบพาณิชยกิจว่า “สายเดินเรือเมอสค์สาขากรุงเทพฯ” ที่ตั้งสำนักงานแห่งใหญ่อยู่เลขที่ 231/2 ถนนสาธรใต้ตำบลยานนาวา อำเภอยานนาวา กรุงเทพมหานคร และขอเปลี่ยนผู้จัดการจากนายฮันส์ยอร์ช แอนเดอร์เซ่น เป็นนายเค็ล โชแมน โจแฮนเซ่น ดังนั้นสายเดินเรือเมอสค์ สาขากรุงเทพฯ จึงอยู่ในฐานะเป็นสำนักทำการงานอันเกิดจากการประกอบกิจการร่วมกันของบริษัททั้งสองดังกล่าว มิใช่กิจการและบุคคลต่างหากออกไป ถือได้ว่าสายการเดินเรือเมอสค์ สาขากรุงเทพฯเป็นสำนักงานสาขาของบริษัททั้งสอง เมื่อบริษัททั้งสองมีสำนักงานสาขาอยู่ในประเทศไทย ซึ่งตามกฎหมายถือว่าถิ่นที่มีสาขาสำนักงานเป็นภูมิลำเนาในส่วนกิจการอันทำ ณ ที่นั้น ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 71 โจทก์จึงฟ้องจำเลยต่อศาลแพ่งได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 4(2)

พิพากษายืน

Share