คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3227/2537

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การฟ้องขอให้ผู้รับโอนนาให้แก่ผู้เช่า โดยอ้างว่าผู้ให้เช่าขายไปโดยมิได้แจ้งให้ผู้เช่าทราบนั้น ผู้เช่าต้องปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย กล่าวคือต้องร้องขอต่อ คชก.ตำบลเพื่อวินิจฉัยก่อนหากไม่พอใจคำวินิจฉัย คชก.ตำบลก็ต้องอุทธรณ์ไปยังคชก.จังหวัด เมื่อ คชก.จังหวัดวินิจฉัยแล้วยังไม่พอใจจึงมีสิทธิฟ้องคดีได้ เมื่อโจทก์ซึ่งเป็นผู้เช่านามิได้ปฏิบัติตามขั้นตอนที่กฎหมายบังคับไว้ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เดิมที่ดินโฉนดเลขที่ 3759 ตำบลหนองยาวอำเภอพนมสาารคาม จังหวัดฉะเชิงเทรา เนื้อที่ 69 ไร่ 1 งาน52 ตารางวา มีชื่อจำเลยที่ 1 ถือกรรมสิทธิ์ โจทก์เป็นผู้เช่าที่ดินแปลงนี้ทำนา ต่อมาเดือนพฤศจิกายน 2531 โจทก์ทราบว่า จำเลยที่ 1โอนขายที่ดินแปลงดังกล่าวให้แก่จำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 ไปแล้วในราคา 300,000 บาท เมื่อวันที่ 23 กันยายน 2531 โดยมิได้แจ้งให้โจทก์ทราบอันเป็นการไม่ปฏิบัติตามพระราชบัญญัติการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2524 มาตรา 53 โจทก์มอบอำนาจให้ทนายมีหนังสือแจ้งไปยังจำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 ขอให้โอนขายที่ดินและให้ทนายมีหนังสือถึงจำเลยที่ 1 ให้แจ้งจำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 4ไปทำการโอนขายที่ดินดังกล่าวให้โจทก์แต่เมื่อถึงกำหนดจำเลยทั้งสี่ก็เพิกเฉย ขอให้บังคับจำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 โอนขายที่ดินโฉนดเลขที่ 3759 ตำบลหนองยาว อำเภอพนมสารคาม จังหวัดฉะเชิงเทราให้แก่โจทก์และให้รับเงินราคา 300,000 บาท ไปจากโจทก์ หากไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 4
จำเลยที่ 1 ที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 ให้การทำนองเดียวกันว่า จำเลยที่ 1 เคยแจ้งให้โจทก์ทราบว่าโจทก์จะซื้อที่นาพิพาทหรือไม่ แต่โจทก์ปฏิเสธเสมอมาและได้ให้คำรับรองต่อประธาน คชก.ตำบลหนองยาวว่าโจทก์ไม่ประสงค์จะซื้อที่นาพิพาท เมื่อโจทก์อ้างว่าจำเลยที่ 1 มิได้ปฏิบัติตามกฎหมายดังกล่าว โจทก์ก็ชอบที่จะร้องต่อ คชก.ตำบลให้วินิจฉัยให้ผู้รับโอนขายที่นาพิพาทให้แก่โจทก์ตามมาตรา 54 วรรคสองแต่โจทก์ก็มิได้ปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษายกฟ้อง ให้โจทก์ชำระค่าฤชาธรรมเนียมแทนจำเลยทั้งสี่ โดยกำหนดค่าทนายความให้ 3,000 บาท
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามพระราชบัญญัติ การเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2524 มาตรา 54 วรรคแรกบัญญัติว่า “ถ้าผู้ให้เช่านาขายนาไปโดยมิได้ปฏิบัติตาม มาตรา 53 ไม่ว่านานั้นจะถูกโอนต่อไปยังผู้ใด ผู้เช่านามีสิทธิซื้อนาจากผู้รับโอนนั้นตามราคาและวิธีการชำระเงินที่ผู้รับโอนซื้อไว้ตามราคาตลาดในขณะนั้น แล้วแต่ราคาใดจะสูงกว่ากัน ฯลฯ” และวรรคสองบัญญัติว่า “ถ้าผู้รับโอนตามวรรคหนึ่งไม่ยอมขายนาให้แก่ผู้เช่านาผู้เช่านาอาจร้องขอต่อ คชก.ตำบลเพื่อวินิจฉัยให้ผู้นั้นขายนาได้” ครั้นเมื่อ คชก.ตำบล มีคำวินิจฉัยแล้วผู้เช่านายังไม่พอใจคำวินิจฉัยนั้น ผู้เช่านาอาจอุทธรณ์คำวินิจฉัยของ คชก.ตำบลต่อ คชก.จังหวัดได้โอนทำเป็นหนังสือยื่นต่อประธาน คชก.ตำบลตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 56 วรรคแรกและเมื่อผู้เช่านายังไม่พอใจคำวินิจฉัยของ คชก.จังหวัดอยู่อีกก็มีสิทธิอุทธรณ์ต่อศาลได้ตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 57 ซึ่งเห็นได้ว่าตามบทกฎหมายดังกล่าวกำหนดขั้นตอนของผู้เช่านาว่าจะต้องกระทำประการใดบ้าง จึงจะมีอำนาจฟ้องต่อศาล เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่า โจทก์อ้างว่าจำเลยที่ 1 ผู้ให้เช่านาขายที่นาพิพาทโดยมิได้ปฏิบัติตามมาตรา 53 แต่โจทก์มิได้ร้องขอต่อ คชก.ตำบล เพื่อวินิจฉัยให้จำเลยที่ 2 ถึงที่ 5 ขายที่นาพิพาทให้โจทก์เสียก่อน อันเป็นการไม่ปฏิบัติตามขั้นตอนที่กฎหมายบังคับไว้เช่นนี้ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษายกฟ้องโจทก์มานั้น ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน

Share