คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3211/2531

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยร้องขอให้ตั้งตนเป็นผู้จัดการมรดกของเจ้ามรดกเพราะเจ้ามรดกเป็นหนี้ผู้อื่น ต้องขายทรัพย์มรดกชำระหนี้ ศาลได้ตั้งจำเลยเป็นผู้จัดการมรดกแล้ว เมื่อปรากฏว่าเจ้ามรดกมิได้เป็นหนี้ผู้อื่น กรณีจึงมีเหตุสมควรที่ศาลจะสั่งถอนจำเลยจากการเป็นผู้จัดการมรดกตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา1727.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์จำเลยและนางส้มลิ้ม เป็นบุตรของนายบุตร์ นางเปล่ง ซึ่งถึงแก่กรรมไปแล้ว โดยมีทรัพย์มรดก ที่ดิน 1 แปลงพร้อมสิ่งปลูกสร้างจำเลยได้ยื่นคำขอรับมรดกแต่ผู้เดียว โจทก์คัดค้าน จำเลยจึงได้ไปร้องขอให้ศาลตั้งจำเลยเป็นผู้จัดการมรดก โดยอ้างในคำร้องขอและเบิกความว่า เจ้ามรดกทั้งสองได้กู้ยืมเงินจากผู้อื่น ศาลได้ตั้งจำเลยเป็นผู้จัดการมรดก ความจริงเจ้ามรดกทั้งสองมิได้กู้ยืมเงินจากผู้อื่นและมีฐานะดี จำเลยจึงไม่สมควรเป็นผู้จัดการมรดกขอให้ถอนจำเลยจากการเป็นผู้จัดการมรดก
จำเลยให้การว่า เจ้ามรดกทั้งสองกู้ยืมเงินจากผู้อื่น 4 รายเจ้าหนี้ 2 รายเร่งรัดให้จำเลยชำระหนี้จำเลยในฐานะผู้จัดการมรดกได้ออกเงินทดรองชำระหนี้ไปแล้ว ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริง เจ้ามรดกทั้งสองมิได้กู้ยืมเงินจากผู้อื่นแล้ววินิจฉัยว่า การที่จำเลยยื่นคำร้องขอต่อศาลให้ตั้งจำเลยเป็นผู้จัดการมรดกของเจ้ามรดกทั้งสองก็เพื่อให้จำเลยในฐานะผู้จัดการมรดกมีอำนาจขายทรัพย์สินในกองมรดกเพื่อนำเงินไปชำระหนี้ที่เจ้ามรดกทั้งสองกู้ยืมเงินผู้อื่น เมื่อปรากฏว่าเจ้ามรดกทั้งสองมิได้กู้ยืมเงินจากผู้อื่นกรณีถือได้ว่ามีเหตุสมควรที่ศาลจะสั่งถอนจำเลยจากการเป็นผู้จัดการมรดกของเจ้ามรดกทั้งสอง
พิพากษากลับ ให้ถอนจำเลยจากการเป็นผู้จัดการมรดกของเจ้ามรดกทั้งสอง.

Share