คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 321/2472

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ฟ้องโจทก์มีมูลหรือไม่ เป็นปัญหากฎหมาย ข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยผิดจากหลักฐานในสำนวน ศาลฎีกาไม่จำเปนต้องถือตาม

ย่อยาว

โจทย์ฟ้องว่าจำเลยจับโจทก์ไปกักขัง ทำให้เสื่อมเสียอิสสระภาพ
ศาลจังหวัดสุราษฎร์ธานีไต่สวนมูลฟ้องแล้ว มีคำสั่งให้ยกฟ้องโจทก์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า จำเลยได้เกณฑ์ราษฎรทำถนน แต่ได้ยอมให้ราษฎรบางคนที่ถูกเกณฑ์เสียเงินคนละ ๑๐ บาทหรือเยื่อเคยคนละ ๓ ถังเพื่อนำไปเลี้ยงดูราษฎรที่ถูกเกณฑ์แรง โจทก์ทั้ง ๒ ถูกเกณฑ์แต่ให้ออกเงินหรือออกเยื่อเคย โจทก์ไม่ยอมทำถนนแลไม่ยอมเสียเงิน จำเลยจึงจับโจทก์ไปไต่สวนแลส่งตัวไปจังหวัดโดยไม่มีเจตนาทุจจริต ยังไม่มีผิดให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายว่าจำเลยไม่มีอำนาจเกณฑ์ราษฎรทำถนนขึ้นใหม่แลไม่มีอำนาจเกณฑ์เอาเงินหรือสิ่งของ
ศาลฎีกาเห็นว่า การวินิจฉัยปัญหากฎหมายต้องฟังข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยมา แต่คดีนี้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยข้อเท็จจริงผิดจากหลักฐานในสำนวน คือในข้อที่ว่าโจทก์ไม่ยอมทำถนน แต่คำพะยานได้ความชัดว่าโจทก์ได้ถูกแบ่งออกจากการทำถนน คงถูกเกณฑ์เอาเงินหรือสิ่งของ โจทก์ไม่ให้เงินหรือเยื่อเคย จำเลยจึงสั่งให้จับไปไต่สวน ดังนี้จำเลยไม่มีอำนาจเกณฑ์โจทก์ให้ออกเงินหรือสิ่งของ และเมื่อจำเลยได้เจตนากระทำผิดกฎหมายเช่นนั้น ก็ย่อมไม่พ้นจากความผิด จึงสั่งให้ศาลเดิมรับฟ้องและพิจารณาไปตามกระบวนความ

Share