แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยทั้งสองกับ ศ. ตกลงกันโดย ศ. จัดหาเมทแอมเฟตามีนและให้สายลับนำเมทแอมเฟตามีนของกลางไปส่งมอบให้แก่จำเลยทั้งสองซึ่งรอรับอยู่ที่จุดนัดหมายเพื่อนำเมทแอมเฟตามีนไปจำหน่ายต่อโดยจำเลยทั้งสองโอนเงินค่าลำเลียงขนส่งให้แก่สายลับ แต่เจ้าพนักงานตำรวจเข้าจับกุมจำเลยทั้งสองได้เสียก่อนที่สายลับจะส่งมอบเมทแอมเฟตามีนให้แก่จำเลยทั้งสอง การกระทำของจำเลยทั้งสองดังกล่าวเป็นการกระทำที่ใกล้ชิดกับความผิดสำเร็จถือได้ว่าจำเลยทั้งสองลงมือกระทำความผิดไปโดยตลอดแล้วแต่การกระทำนั้นไม่บรรลุผลเพราะถูกจับกุมเสียก่อน การกระทำของจำเลยทั้งสองจึงเป็นความผิดฐานร่วมกันพยายามมีเมทแอมเฟตามีนของกลางไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและฐานสมคบกันกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดและได้มีการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน เป็นการกระทำอันเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทแต่ละบทมีโทษเท่ากันให้ลงโทษฐานร่วมกันพยายามมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายซึ่งต้องระวางโทษเช่นเดียวกับผู้กระทำความผิดสำเร็จตาม พ.ร.บ.มาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ.2534 มาตรา 7
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องและแก้ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 4, 7, 8, 15, 66, 97, 100/1, 102 พระราชบัญญัติมาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ.2534 มาตรา 3, 7, 8 พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 มาตรา 4, 7, 72 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32, 33, 83, 91 ริบเมทแอมเฟตามีนและของกลางอื่นทั้งหมด กับเพิ่มโทษจำเลยที่ 1 ตามกฎหมาย
จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพ แต่ก่อนสืบพยาน จำเลยที่ 1 ขอถอนคำให้การเดิมและให้การใหม่เป็นปฏิเสธ แต่รับว่าเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีที่โจทก์ขอให้เพิ่มโทษ เมื่อสืบพยานโจทก์ไปบ้างแล้ว จำเลยที่ 1 ขอถอนคำให้การและให้การใหม่เป็นรับสารภาพในข้อหามีเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต ส่วนข้อหาอื่นให้การปฏิเสธ
จำเลยที่ 2 ให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคสาม (2), 66 วรรคสาม ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 พระราชบัญญัติมาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ.2534 มาตรา 7, 8 วรรคสอง พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 มาตรา 7, 72 วรรคสอง การกระทำของจำเลยที่ 1 เป็นความผิดหลายกรรมต่างกันให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานมีเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต ปรับ 1,200 บาท ฐานร่วมกันพยายามมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและฐานสมคบกันกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดและได้มีการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกันแล้ว เป็นการกระทำอันเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ต้องใช้กฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดลงโทษแก่จำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 แต่จำเลยที่ 1 กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดและได้มีการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกันต้องระวางโทษตามที่กำหนดไว้สำหรับความผิดนั้น จึงให้ลงโทษฐานร่วมกันพยายามมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายซึ่งต้องระวางโทษเช่นเดียวกับผู้กระทำความผิดสำเร็จตามพระราชบัญญัติมาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ.2534 มาตรา 7 จำคุกตลอดชีวิต และปรับ 1,200,000 บาท เพิ่มโทษฐานมีเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาตหนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 92 เป็นปรับ 1,600 บาท ส่วนฐานร่วมกันพยายามมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย เมื่อศาลพิพากษาจำคุกตลอดชีวิตแล้วจึงไม่อาจเพิ่มโทษจำคุกได้อีกตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 51 คงเพิ่มโทษปรับกึ่งหนึ่งตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 97 เป็นปรับ 1,800,000 บาท จำเลยที่ 2 มีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคสาม (2), 66 วรรคสาม ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 พระราชบัญญัติมาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ.2534 มาตรา 7, 8 วรรคสอง เป็นการกระทำอันเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ต้องใช้กฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดลงโทษแก่จำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 แต่จำเลยที่ 2 กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และได้มีการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกันต้องระวางโทษตามที่กำหนดไว้สำหรับความผิดนั้น จึงให้ลงโทษฐานร่วมกันพยายามมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายซึ่งต้องระวางโทษเช่นเดียวกับผู้กระทำความผิดสำเร็จตามพระราชบัญญัติมาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ.2534 มาตรา 7 จำคุกตลอดชีวิต และปรับ 1,200,000 บาท จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพฐานมีเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาตและคำรับสารภาพของจำเลยทั้งสองในชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ฐานมีเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 กึ่งหนึ่ง คงปรับ 800 บาท ฐานร่วมกันพยายามมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ลดโทษให้จำเลยทั้งสองตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ประกอบมาตรา 53 หนึ่งในสาม คงจำคุกคนละ 33 ปี 4 เดือน และปรับจำเลยที่ 1 จำนวน 1,200,000 บาท ปรับจำเลยที่ 2 จำนวน 800,000 บาท รวมจำคุก จำเลยที่ 1 มีกำหนด 33 ปี 4 เดือน และปรับ 1,200,800 บาท จำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 33 ปี 4 เดือน และปรับ 800,000 บาท ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 หากต้องกักขังแทนค่าปรับให้กักขังเกิน 1 ปี แต่ไม่เกิน 2 ปี ริบเมทแอมเฟตามีนและโทรศัพท์เคลื่อนที่ของกลาง
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์แผนกคดียาเสพติดพิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคสาม (2), 66 วรรคสาม ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 พระราชบัญญัติมาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ.2534 มาตรา 8 วรรคสอง ฐานร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายกับฐานสมคบกันกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด เป็นการกระทำกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทแต่ละบทมีโทษเท่ากัน ให้ลงโทษฐานร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุกตลอดชีวิต และปรับคนละ 1,080,000 บาท ฐานมีเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต ปรับ 450 บาท สำหรับจำเลยที่ 1 เมื่อศาลพิพากษาจำคุกตลอดชีวิตแล้วจึงไม่อาจเพิ่มโทษจำคุกได้อีกตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 51 คงเพิ่มโทษปรับกึ่งหนึ่งตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 97 เป็นปรับ 1,620,000 บาท จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพฐานมีเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต และคำรับสารภาพของจำเลยทั้งสองในชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ฐานร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ลดโทษ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ประกอบมาตรา 53 ให้หนึ่งในสาม คงจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 33 ปี 4 เดือน และปรับ 1,080,000 บาท จำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 33 ปี 4 เดือน และปรับ 720,000 บาท ฐานมีเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต ลดโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ให้กึ่งหนึ่ง คงปรับจำเลยที่ 1 จำนวน 225 บาท รวมจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 33 ปี 4 เดือน และปรับ 1,080,225 บาท นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยที่ 1 ฎีกา โดยได้รับอนุญาตจากศาลฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงรับฟังเป็นที่ยุติในชั้นนี้ว่า จำเลยทั้งสองอยู่กินฉันสามีภริยาและเปิดกิจการร้านประดับยนต์และรับติดตั้งเครื่องเสียงรถยนต์ที่อำเภอทับสะแก จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ชื่อร้านว่า “ปันฝัน CAR AUDIO” จำเลยที่ 1 เคยต้องโทษจำคุกที่เรือนจำกลางนครปฐม และรู้จักนายศิรพงศ์หรือน้องฟักแก้ว และนายสุจินต์หรือโบ้ ซึ่งต้องโทษจำคุกแห่งเดียวกัน จำเลยที่ 1 ใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่หมายเลข 09 1264 XXXX จำเลยที่ 2 ใช้หมายเลข 08 1368 XXXX นายศิรพงศ์ใช้หมายเลข 08 1484 XXXX ส่วนนายสุจินต์ใช้หมายเลข 08 5293 XXXX ช่วงระหว่างวันที่ 4 ถึง 27 กันยายน 2555 จำเลยทั้งสอง นายศิรพงศ์ และนายสุจินต์ ใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ดังกล่าวติดต่อกันหลายครั้ง วันที่ 26 กันยายน 2555 มีการโอนเงิน 5,000 บาท จากบัญชีของจำเลยที่ 2 ไปที่บัญชีของนายสุจินต์ วันที่ 27 กันยายน 2555 เวลากลางวัน พันตำรวจโทบุญเลิศ ดาบตำรวจชูเกียรติ สิบตำรวจเอกเลอสรรค์ และนายสุจินต์ร่วมกันเดินทางไปอำเภอทับสะแกพร้อมด้วยเมทแอมเฟตามีนของกลาง 6,000 เม็ด เมื่อไปถึงพันตำรวจโทบุญเลิศกับพวกร่วมกันจับกุมจำเลยทั้งสองในขณะที่จอดรถยนต์หมายเลขทะเบียน ษม 5234 กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นรถยนต์ของนายศิรพงศ์ที่บริเวณหน้าศูนย์รถยนต์อีซูซุโดยกล่าวหาจำเลยทั้งสองว่าร่วมกันพยายามมีเมทแอมเฟตามีน 6,000 เม็ดของกลาง ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย และจำเลยที่ 1 มีกระสุนปืนลูกกรดขนาด .22 จำนวน 15 นัด ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต ชั้นสอบสวนจำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพในข้อหาดังกล่าว ต่อมาพนักงานสอบสวนแจ้งข้อหาจำเลยทั้งสองเพิ่มเติมว่า สมคบกันกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดและได้มีการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ ความผิดฐานมีเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาตในส่วนของจำเลยที่ 1 และความผิดฐานร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายกับฐานสมคบกันกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดในส่วนของจำเลยที่ 2 ยุติไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ว่า จำเลยที่ 1 และที่ 2 มีความผิดฐานดังกล่าว คดีคงขึ้นสู่ศาลฎีกาเฉพาะความผิดฐานร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายกับฐานสมคบกันกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดในส่วนของจำเลยที่ 1
คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยในข้อแรกว่า เมื่อวันที่ 26 กันยายน 2555 เวลากลางวัน นายสุจินต์ได้รับมอบเมทแอมเฟตามีน 6,000 เม็ด จากนายแก้ว พวกของนายศิรพงศ์หรือไม่ เห็นว่า ตามเอกสารที่จำเลยที่ 1 กล่าวอ้างเป็นข้อมูลของการใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่หมายเลข 08 1484 XXXX ซึ่งเป็นของนายศิรพงศ์ จากข้อมูลดังกล่าวแสดงให้เห็นแต่เพียงว่า ในขณะนั้นนายศิรพงศ์อยู่ในพื้นที่จังหวัดสมุทรสาครหาใช่นายสุจินต์อยู่ในพื้นที่จังหวัดสมุทรสาครไม่ ส่วนที่นายสุจินต์ได้รับมอบสิ่งของจากนายแก้วแล้ว ก็ได้มอบให้พันตำรวจโทบุญเลิศกับพวก จากนั้นมีการนำไปเก็บไว้ที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด รุ่งขึ้นจึงนำไปที่อำเภอทับสะแก พันตำรวจโทบุญเลิศกับพวกล้วนเป็นเจ้าพนักงานตำรวจไม่มีเหตุผลที่จะต้องสับเปลี่ยนของกลางจากสิ่งของทั่วไปให้เป็นยาเสพติด ซึ่งนอกจากจะมีจำนวนมากแล้วยังมีราคาสูง ข้อกล่าวอ้างต่างๆ ของจำเลยที่ 1 ดังกล่าวล้วนไม่มีน้ำหนักให้รับฟังว่า มีเหตุอันควรให้สงสัยว่านายสุจินต์จะไม่ได้รับเมทแอมเฟตามีน 6,000 เม็ด จากนายแก้ว
คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยในข้อสุดท้ายว่า พยานหลักฐานของโจทก์เกิดจากการล่อลวงหรือชักจูงใจให้จำเลยที่ 1 กระทำความผิด ไม่อาจอ้างเป็นพยานหลักฐานได้หรือไม่ เห็นว่า คดีนี้นายสุจินต์มิได้ล่อลวงหรือชักจูงใจให้จำเลยที่ 1 รับซื้อเมทแอมเฟตามีนของกลาง แต่เป็นเรื่องที่จำเลยทั้งสองตกลงกับนายศิรพงศ์โดยนายศิรพงศ์ทำหน้าที่จัดหาเมทแอมเฟตามีนแล้วจัดหาผู้ลำเลียงขนส่งไปส่งมอบให้จำเลยทั้งสองซึ่งรอรับมอบเมทแอมเฟตามีนของกลางจากนายศิรพงศ์เพื่อนำไปจำหน่ายต่อโดยนายสุจินต์มีหน้าที่เพียงนำส่งเมทแอมเฟตามีนของกลางให้แก่จำเลยทั้งสอง ส่วนที่มีการวางแผนให้จำเลยทั้งสองโอนเงิน 5,000 บาท ให้แก่นายสุจินต์ก็เพื่อพิสูจน์การกระทำของจำเลยทั้งสองว่าเป็นความผิดเพื่อที่เจ้าพนักงานตำรวจจะได้จับกุมจำเลยทั้งสอง ไม่เป็นการแสวงหาพยานหลักฐานโดยมิชอบ จึงไม่ต้องห้ามมิให้รับฟังพยานหลักฐานของโจทก์ ฎีกาของจำเลยที่ 1 ในข้อนี้ฟังไม่ขึ้นเช่นกัน แต่ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า การที่นายศิรพงศ์หาเมทแอมเฟตามีนของกลางมาไว้ในครอบครองได้แล้วย่อมเป็นความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย เมื่อนายศิรพงศ์ดำเนินการลำเลียงขนส่งให้แก่จำเลยทั้งสอง และจำเลยทั้งสองโอนเงินค่าจ้างให้แก่ผู้ลำเลียงตามที่ตกลงกัน ถือว่าจำเลยทั้งสองร่วมกระทำความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายกับนายศิรพงศ์สำเร็จแล้ว จำเลยทั้งสองจึงมีความผิดฐานร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายนั้น เห็นว่า เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยทั้งสองกับนายศิรพงศ์ตกลงกันโดยนายศิรพงศ์จัดหาเมทแอมเฟตามีนและให้นายสุจินต์สายลับนำเมทแอมเฟตามีนของกลางไปส่งมอบให้แก่จำเลยทั้งสองซึ่งรอรับอยู่ที่จุดนัดหมายที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ แต่เจ้าพนักงานตำรวจเข้าจับกุมเสียก่อนที่สายลับจะส่งมอบเมทแอมเฟตามีนให้แก่จำเลยทั้งสอง การกระทำของจำเลยทั้งสองดังกล่าวเป็นการกระทำที่ใกล้ชิดกับความผิดสำเร็จถือได้ว่าจำเลยทั้งสองลงมือกระทำความผิดไปตลอดแล้วแต่การกระทำนั้นไม่บรรลุผลเพราะถูกจับกุมเสียก่อน การกระทำของจำเลยทั้งสองจึงเป็นการร่วมกันพยายามมีเมทแอมเฟตามีนของกลางไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าการกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นความผิดฐานร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายสำเร็จแล้ว ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ปัญหาดังกล่าวแม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดฎีกา แต่เป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยและปรับบทให้ถูกต้องได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225 และพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดียาเสพติด พ.ศ.2550 มาตรา 3 แม้จำเลยที่ 2 ไม่ได้ฎีกาขึ้นมา แต่การปรับบทเป็นการวางบทกำหนดโทษให้ถูกต้องถือเป็นเหตุในลักษณะคดี ศาลฎีกามีอำนาจวินิจฉัยไปถึงจำเลยที่ 2 ได้ด้วย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 213 ประกอบมาตรา 225 และพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดียาเสพติด พ.ศ.2550 มาตรา 3
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคสาม (2), 66 วรรคสาม ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 80, 83 พระราชบัญญัติมาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ.2534 มาตรา 7 ฐานร่วมกันพยายามมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและฐานสมคบกันกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดและได้มีการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน เป็นการกระทำอันเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทแต่ละบทมีโทษเท่ากัน ให้ลงโทษฐานร่วมกันพยายามมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 แต่จำเลยทั้งสองกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดและได้มีการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกันต้องระวางโทษตามที่กำหนดไว้สำหรับความผิดนั้น จึงให้ลงโทษฐานร่วมกันพยายามมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายซึ่งต้องระวางโทษเช่นเดียวกับผู้กระทำความผิดสำเร็จตามพระราชบัญญัติมาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ.2534 มาตรา 7 ส่วนโทษและนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์