แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ข้ออุทธรณ์ของจำเลยที่ 2 เป็นอุทธรณ์ที่โต้แย้งคำพิพากษาศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางเฉพาะในส่วนที่พิพากษายกฟ้องสำหรับจำเลยที่ 4 และจำเลยร่วมเท่านั้น มิได้โต้แย้งคัดค้านในส่วนที่พิพากษาให้จำเลยที่ 2 ต้องรับผิดชดใช้เงินแก่โจทก์ อุทธรณ์ของจำเลยที่ 2 ดังกล่าวกลับมีความหมายว่าจำเลยที่ 2 อุทธรณ์ขอให้จำเลยที่ 4 และจำเลยร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 2 ต่อโจทก์ จำเลยที่ 2 มิได้ปฏิเสธความรับผิดของตนต่อโจทก์แต่อย่างใด แม้ท้ายอุทธรณ์ของจำเลยที่ 2 จะขอให้ยกฟ้องสำหรับจำเลยที่ 2 แต่ก็ขัดแย้งกับที่จำเลยที่ 2 อุทธรณ์ดังกล่าว อุทธรณ์ที่จำเลยที่ 2 ขอให้ยกฟ้องสำหรับจำเลยที่ 2 จึงเป็นอุทธรณ์ที่ไม่ชัดแจ้ง ไม่ชอบด้วย พ.ร.บ.จัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ พ.ศ.2539 มาตรา 38 ประกอบ ป.วิ.พ. มาตรา 225 วรรคหนึ่ง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสี่ร่วมกันหรือแทนกันชำระเงินจำนวน 159,756.01 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงินจำนวน 152,726.41 บาท นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยที่ 1 ขาดนัดยื่นคำให้การ
จำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 ให้การขอให้ยกฟ้อง
ระหว่างพิจารณา จำเลยที่ 2 ขอให้เรียกบริษัทกมลประกันภัย จำกัด (มหาชน) เข้ามาเป็นจำเลยร่วม ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางอนุญาต
จำเลยร่วมให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษาให้จำเลยที่ 1 และที่ 2 ร่วมกันใช้เงินจำนวน 159,756.01 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงินจำนวน 152,726.41 บาท นับแต่วันที่ 25 มกราคม 2551 อันเป็นวันฟ้อง จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ ให้จำเลยที่ 1 และที่ 2 ร่วมกันใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความให้ 7,000 บาท ยกฟ้องสำหรับจำเลยที่ 3 ที่ 4 และจำเลยร่วม ค่าฤชาธรรมเนียมระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 3 ที่ 4 และจำเลยร่วมให้เป็นพับ
จำเลยที่ 2 อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศมีคำสั่งให้ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางแจ้งให้จำเลยที่ 2 ดำเนินการนำส่งสำเนาอุทธรณ์ให้จำเลยที่ 4 และจำเลยร่วมเพื่อแก้อุทธรณ์ของจำเลยที่ 2
ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางรายงานว่า จำเลยที่ 2 ไม่ดำเนินกระบวนพิจารณาภายในเวลาที่ศาลกำหนด จึงส่งสำนวนคืนมายังศาลฎีกาเพื่อดำเนินการต่อไป
ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศวินิจฉัยว่า จำเลยที่ 2 อุทธรณ์โต้แย้งคำวินิจฉัยของศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางที่พิพากษายกฟ้องสำหรับจำเลยที่ 4 กับจำเลยร่วม แล้วขอให้ศาลฎีกาพิพากษากลับ ยกฟ้องเฉพาะจำเลยที่ 2 ให้จำเลยที่ 4 กับจำเลยร่วมร่วมกันรับผิดต่อโจทก์ แต่เนื่องจากจำเลยที่ 2 ไม่ดำเนินกระบวนพิจารณานำส่งสำเนาอุทธรณ์แก่จำเลยที่ 4 และจำเลยร่วมเพื่อแก้อุทธรณ์ของจำเลยที่ 2 ตามคำสั่งศาลฎีกาภายในเวลาที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางกำหนดตามที่จำเลยที่ 2 ได้ทราบคำสั่งให้ส่งสำเนาอุทธรณ์ดังกล่าวโดยชอบแล้ว จึงเป็นการที่จำเลยที่ 2 ทิ้งฟ้องอุทธรณ์ในส่วนของจำเลยที่ 4 และจำเลยร่วม
จำเลยที่ 2 อุทธรณ์สรุปได้ว่า ที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางวินิจฉัยว่า เงื่อนไขและความคุ้มครองตามกรมธรรม์ประกันภัยรถบรรทุกลากจูงที่จำเลยที่ 2 เอาประกันภัยไว้แก่จำเลยที่ 4 ไม่คุ้มครองความเสียหายต่อทรัพย์สินที่บรรทุกอยู่ในรถยนต์ที่เอาประกันภัย ความเสียหายที่เกิดแก่สินค้าที่บรรทุกอยู่ในรถยนต์บรรทุกลากจูงที่เอาประกันภัย จึงไม่ได้รับความคุ้มครองตามกรมธรรม์ประกันภัยดังกล่าว จำเลยที่ 4 จึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ ส่วนที่จำเลยที่ 2 เอาประกันภัยสินค้าซึ่งบรรทุกอยู่ในตู้คอนเทนเนอร์ในความดูแลของจำเลยที่ 2 โดยรถบรรทุกลากจูงไว้แก่จำเลยร่วม ตามกรมธรรม์ประกันภัย ปรากฏตามกรมธรรม์ประกันภัยดังกล่าวว่าจะคุ้มครองความเสียหายที่เกิดจากการที่ยานพาหนะนั้นชนยานพาหนะชนิดใดๆ หรือชนกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งภายนอกยานพาหนะซึ่งมิใช่ถนน ทางเท้า หลุมบนถนน อากาศ หรือน้ำ เมื่อปรากฏว่าจำเลยที่ 1 ขับรถบรรทุกลากจูงและรถบรรทุกกึ่งพ่วงซึ่งบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ที่บรรจุสินค้าที่ใช้ในสนามกอล์ฟพร้อมอุปกรณ์ชนกับขอบคานสะพาน ความหมายของคำว่า “ถนน” โดยความเข้าใจทั่วไปหมายถึงทางเดินรถ ทางเท้า ขอบทาง ไหล่ทาง สะพาน ดังนั้น ขอบสะพานจึงอยู่ในความหมายของคำว่า “ถนน” ด้วย ความเสียหายของสินค้าของผู้เอาประกันภัยจึงไม่ได้รับความคุ้มครองตามกรมธรรม์ประกันภัย จำเลยร่วมจึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์นั้น จำเลยที่ 2 ไม่เห็นพ้องด้วย แม้กรมธรรม์ประกันภัยที่จำเลยที่ 4 เป็นผู้รับประกันภัยจะคุ้มครองเฉพาะรถที่เอาประกันภัย แต่หากรถบรรทุกที่จำเลยที่ 4 รับประกันภัยไปก่อให้เกิดความเสียหายโดยละเมิดแก่ผู้ใด จำเลยที่ 4 ก็ต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 2 ผู้เอาประกันภัยด้วย สำหรับจำเลยร่วมจำเลยที่ 2 เห็นว่า ขอบคานสะพานไม่อยู่ในความหมายของคำว่า “ถนน” ตามกรมธรรม์ประกันภัย จำเลยร่วมผู้รับประกันภัยจึงต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 2 ผู้เอาประกันภัย เห็นว่า ข้ออุทธรณ์ของจำเลยที่ 2 ดังกล่าวเป็นอุทธรณ์ที่โต้แย้งคำพิพากษาศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางเฉพาะในส่วนที่พิพากษายกฟ้องสำหรับจำเลยที่ 4 และจำเลยร่วมเท่านั้น มิได้โต้แย้งคัดค้านในส่วนที่พิพากษาให้จำเลยที่ 2 ต้องรับผิดชดใช้เงินแก่โจทก์ อุทธรณ์ของจำเลยที่ 2 ดังกล่าวกลับมีความหมายว่า จำเลยที่ 2 อุทธรณ์ขอให้จำเลยที่ 4 และจำเลยร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 2 ต่อโจทก์ จำเลยที่ 2 มิได้ปฏิเสธความรับผิดของตนต่อโจทก์แต่อย่างใด แม้ท้ายอุทธรณ์ของจำเลยที่ 2 จะขอให้ยกฟ้องสำหรับจำเลยที่ 2 แต่ก็ขัดแย้งกับที่จำเลยที่ 2 อุทธรณ์ดังกล่าว อุทธรณ์ที่จำเลยที่ 2 ขอให้ยกฟ้องสำหรับจำเลยที่ 2 จึงเป็นอุทธรณ์ที่ไม่ชัดแจ้ง ไม่ชอบด้วยพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ พ.ศ.2539 มาตรา 38 ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 225 วรรคหนึ่ง ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศไม่รับวินิจฉัย
พิพากษายกอุทธรณ์ของจำเลยที่ 2 ในส่วนที่เกี่ยวกับโจทก์ ให้จำหน่ายคดีของจำเลยที่ 2 ในส่วนที่เกี่ยวกับจำเลยที่ 4 และจำเลยร่วมออกจากสารบบความของศาลฎีกา คืนค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์ให้จำเลยที่ 2 จำนวน 1,500 บาท