คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 320/2482

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

กู้เงินกันแต่สัญญากู้ไม่สมบูรณ์+กู้ได้ไปให้ถ้อยคำต่ออำเภอว่าได้กู้เงินไปจริงอำเภอได้บันทึกถ้อยคำของ+กู้ไว้และให้ผู้กู้ลงนามไว้ดังนี้ บันทึกของอำเภอเป็นหลักฐานแห่งการกู้ยืมได้ (หมายเหตุ:ข้อนี้ไม่มีประเด็นขึ้นมาโดยตรง)
เดิมโจทก์ฟ้องอ้างสัญญาจะซื้อขายขอให้บังคับจำเลยทำสัญญาซื้อขายหรือใช้เงิน+ที่ดินคืน ศาลยกฟ้อง โจทก์จึงกลับมาฟ้องจำเลยฐานผิดสัญญากู้ยืม โดยอ้างเอกสารอันเป็นหลักฐานอย่างเดียวกับคดีเดิมดังนี้+เป็นการฟ้องซ้ำไม่เพราะคดีมีประเด็นจะต้องวินิจฉัยต่างกัน

ย่อยาว

จำเลยทำสัญญากู้เงินโจทก์ไป ๔๑๐ บาทแล้วมแบที่นาให้ทำต่างดอกเบี้ย แต่สัญญาไม่มีพะยานรับรองลายพิมพ์นิ้วมือของจำเลย เมื่อจำเลยไม่หฏิบัติตามสัญญา โจทก์ไปร้องต่ออำเภอจำเลยให้ถ้อยคำต่ออำเภอว่าได้กู้เงินโจทก์ไป ๔๑๐ บาทจริงแต่ไม่ยอมโอนที่นาชำระหนี้ให้โจทก์ อำเภอได้บันทึกถ้อยคำนี้ไว้และให้จำเลยเซ้นชื่อรับรอง โจทก์จึงได้ฟ้องจำเลยต่อศาลโดยอ้างสัญญากู้กับบันทึกของอำเภอขอให้ศาลบังคับให้จำเลยทำหนังสือขายนาให้โจทก์หรือให้คืนเงิน ๔๑๐ ให้ ศาลขั้นต้นยกฟ้องโดยวินิจฉัยว่าเอกสารกู้ทำไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ทั้งประเด็นข้อหาผิดหลักฐานที่อ้างอิงโจทก์จึงกลับมาฟ้องจำเลยตามหนังสือรับรองหนี้ที่จำเลยได้เซ็นไว้ที่อำเภอเรียกเงิน ๔๑๐ บาท
จำเลยให้การว่าเป็นหนี้โจทก์เพียง ๒๑๐ บาทและว่าเป็นฟ้องซ้ำ
ศาลชั้นต้นว่าโจทก์ฟ้องซ้ำให้ยกฟ้อง
ศาลฎีกาตัดสินว่าคดีก่อนโจทก์อ้างสัญญาจะซื้อขาย ขอให้บังคับจำเลยทำสัญญาซื้อขายหรือใช้เงินค่าที่ดินคืน แต่คดีนี้โจทก์ฟ้องว่าจำเลยผิดสัญญากู้ยืม จึงไม่เป็นการฟ้องซ้ำต้องห้ามตาม ม.๑๔๘ วิธีพิจารณาความแพ่ง การอ้างหลักฐานร่วมกันหาทำให้เป็นฟ้องซ้ำไม่และตามข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยได้รับรองหนี้เต็มจำนวน ๔๑๐ บาท จึงพิพากษาให้โจทก์ชนะคดี

Share