แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
นอกจากจำเลยจำหน่ายเฮโรอีน1หลอดให้แก่สายลับแล้วจำเลยยังมีเฮโรอีนอีก1หลอดที่ขว้างทิ้งเป็นของกลางเฮโรอีนทั้งสองหลอดจึงเป็นเฮโรอีนที่จำเลยเจตนามีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายไม่อาจแยกว่าเฮโรอีน1หลอดจำเลยเจตนามีไว้เพื่อจำหน่ายและจำหน่ายให้แก่สายลับไปแล้วส่วนเฮโรอีนอีก1หลอดที่เหลือจำเลยเพียงมีเจตนามีไว้ในครอบครองเพราะเฮโรอีนทั้งสองหลอดถือว่าเป็นเฮโรอีนจำนวนเดียวกันจำเลยจึงมีความผิดฐานจำหน่ายเฮโรอีนกรรมหนึ่งและฐานมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายอีกกรรมหนึ่ง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2538 เวลากลางวันจำเลยได้กระทำความผิดต่อกฎหมายหลายกรรมต่างกันคือ จำเลยมีเฮโรอีนอันเป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 จำนวน 2 หลอด น้ำหนัก 0.036 กรัมไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย และจำเลยจำหน่ายเฮโรอีนจำนวน 1 หลอดซึ่งเป็นจำนวนบางส่วนที่จำเลยมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายดังกล่าวให้แก่ผู้มีชื่อในราคา 100 บาท อันเป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมายเจ้าพนักงานจับจำเลยได้พร้อมด้วยเฮโรอีน จำนวน 1 หลอด ซึ่งอยู่ในครอบครองของจำเลยกับจำนวน 1 หลอด ซึ่งจำเลยได้จำหน่ายให้ผู้มีชื่อและธนบัตรรัฐบาลไทยเป็นเงิน 100 บาท ซึ่งจำเลยได้มาจากการจำหน่ายเฮโรอีนเป็นของกลาง เฮโรอีนของกลางหมดไปในการตรวจวิเคราะห์เหตุเกิดที่ตำบลประจวบคีรีขันธ์ อำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษพ.ศ. 2522 มาตรา 7, 8, 15, 66, 67 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91
จำเลย ให้การ ปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง, 66 วรรคหนึ่ง, 67การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันให้เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ความผิดฐานจำหน่ายเฮโรอีนจำคุก 5 ปี ความผิดฐานมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองจำคุก 1 ปีรวมจำคุก 6 ปี
โจทก์อุทธรณ์ขอให้ลงโทษฐานมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายด้วย
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดฐานมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ลงโทษจำคุก 5 ปี เมื่อรวมกับโทษฐานจำหน่ายเฮโรอีนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นแล้ว เป็นจำคุก 10 ปีนอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นโดยที่จำเลยมิได้อุทธรณ์โต้แย้งว่าจำเลยได้จำหน่ายเฮโรอีนจำนวน 1 หลอด ให้แก่สายลับในราคา 100 บาท นอกจากนี้เจ้าพนักงานตำรวจยังยึดได้เฮโรอีนอีก 1 หลอดเป็นของกลางซึ่งเกี่ยวกับเฮโรอีนที่ยึดได้ในภายหลังนั้น ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าจำเลยมีเฮโรอีนดังกล่าวไว้ในครอบครองโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย คดีคงมีปัญหาในชั้นนี้แต่เพียงว่าจำเลยได้กระทำความผิดฐานมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายดังคำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ภาค 3 หรือไม่โจทก์มีนายดาบตำรวจอรุณ สุดเลิศ เป็นพยาน เบิกความยืนยันว่าระหว่างที่พยานกับจ่าสิบตำรวจไกรสร มหายนต์ วิ่งไปหาจำเลยจำเลยได้ล้วงเอาของในกระเป๋ากางเกงขว้างไปที่สวนมะพร้าวซึ่งมีต้นหญ้าต้นเตี้ย ๆ ขึ้นอยู่เวลานั้นพยานอยู่ห่างจำเลยประมาณ3 ถึง 4 เมตร พยานจึงให้จ่าสิบตำรวจไกรสรคุมตัวจำเลยส่วนพยานไปหยิบของที่จำเลยขว้างทิ้งซึ่งเป็นซองกระดาษบุหรี่กรองทิพย์มีรอยขยำพยานแกะห่อบุหรี่พบวัตถุสีขาวอยู่ในหลอดกาแฟเชื่อว่าเป็นเฮโรอีน ต่อมาร้อยตำรวจโทมนัส ทิตะลำพูน เดินทางมาถึงและค้นตัวจำเลย พบธนบัตรฉบับละ 100 บาท ของกลางอยู่ในกระเป๋ากางเกงของจำเลย ส่วนจำเลยนำสืบปฏิเสธไม่ได้เกี่ยวข้องกับเฮโรอีน รายนี้ พิเคราะห์แล้ว เห็นว่า ตามพยานหลักฐานของโจทก์ประกอบคำวินิจฉัยของศาลชั้นต้นข้างต้นฟังได้ว่า นอกจากจำเลยจำหน่ายเฮโรอีน 1 หลอด ให้แก่สายลับดังกล่าวแล้ว จำเลยยังมีเฮโรอีนอีก 1 หลอด ที่จำเลยขว้างทิ้งเป็นของกลาง ดังนั้นการที่จำเลยมีเฮโรอีนรวม 2 หลอด และจำหน่ายให้แก่สายลับไป 1 หลอดเฮโรอีนทั้งสองหลอดจึงเป็นเฮโรอีนที่จำเลยเจตนามีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย กรณีไม่อาจแบ่งแยกว่าเฮโรอีน 1 หลอด จำเลยเจตนามีไว้เพื่อจำหน่ายและจำหน่ายให้แก่สายลับไปแล้ว ส่วนเฮโรอีนอีก 1 หลอด ที่เหลือจำเลยเพียงมีเจตนามีไว้ในครอบครองเท่านั้นเพราะเฮโรอีนทั้งสองหลอดถือได้ว่าเป็นเฮโรอีนจำนวนเดียวกันเมื่อจำเลยจำหน่ายไปเพียง 1 หลอด เฮโรอีนที่เหลืออีก 1 หลอดจึงเป็นเฮโรอีนที่เหลือจากการจำหน่าย การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายอีกกระทงหนึ่งดังที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษาลงโทษมา ที่จำเลยฎีกาอ้างว่าเฮโรอีนที่เหลือจำเลยเก็บไว้เสพเองนั้น จำเลยมิได้ยกขึ้นต่อสู้มาแต่ศาลชั้นต้น ศาลฎีกาจึงไม่วินิจฉัยให้ ส่วนฎีกาข้ออื่นของจำเลยเป็นข้อไร้สาระไม่อาจเปลี่ยนแปลงผลของคำพิพากษา จึงไม่จำต้องวินิจฉัย แต่อย่างไรก็ดี ขณะกระทำความผิดจำเลยมีอายุเพียง 18 ปีและอยู่ระหว่างศึกษาอยู่ศูนย์การศึกษานอกโรงเรียนจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ อีกทั้งเฮโรอีนของกลางมีจำนวนไม่มากนัดรูปคดีเห็นสมควรลดมาตราส่วนโทษให้จำเลยตามกฎหมาย”
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยอายุกว่า 17 ปี แต่ยังไม่เกิน 20 ปีเห็นสมควรลดมาตราส่วนโทษให้จำเลยหนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 76 ความผิดฐานจำหน่ายเฮโรอีนให้จำคุก 3 ปี 4 เดือนความผิดฐานมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายให้จำคุก 3 ปี4 เดือน รวมจำคุก 6 ปี 8 เดือน นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3