แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การอ้างว่าได้มีการครอบครองทำประโยชน์ในที่พิพาทตั้งแต่ปี พ.ศ.2477 ซึ่งเป็นเวลาก่อนใช้ พระราชบัญญัติออกโฉนดที่ดิน(ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2479 นั้น เป็นการกล่าวอ้างข้อเท็จจริงที่จะต้องมีการนำพยานบุคคลเข้าสืบกันต่อไปทั้งนี้เพราะการครอบครองจะเริ่มมาแต่เมื่อใด สืบเนื่องกันมาอย่างไรยังจะต้องมีการนำสืบ หากการครอบครองมีมาก่อนบทกฎหมายที่กล่าวมาแล้วข้างต้น ผู้ครอบครองจะถูกขับไล่ไม่ได้และไม่ชอบที่ศาลจะตัดพยานบุคคลเกี่ยวกับ.ประเด็นข้อครอบครองเพราะเหตุที่ผู้นำสืบไม่มีเอกสารสำคัญแสดงกรรมสิทธิในที่ดินพิพาท
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าที่สวนยาง 1443 ไร่ เดิมตั้งแต่ พ.ศ. 2477 นายตัน เซ่งห้องเข้าครอบครองทำประโยชน์ครั้นเมื่อ พ.ศ. 2481 นายตันเซ่งห้องขายที่ให้นายหลี เองฮก ๆ เข้าครอบครองอย่างเป็นเจ้าของสัญญา ต่อมานายหลีเองฮก ขายที่ให้โจทก์ ๆ ซื้อแล้วเข้าครอบครอง
ครั้นเมื่อเดือนมีนาคม 2494 จำเลยสมคบกันบุกรุกโจทก์จึงฟ้องขอให้ขับไล่ ไม่ให้จำเลยเกี่ยวข้องกับที่รายนี้ กับมีคำขออย่างอื่นอีก
จำเลยทั้งหมดให้การว่าที่รายนี้เป็นที่รกร้างว่างเปล่าเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน นายตันเซ่งห้องไม่เคยได้รับอนุญาตให้จับจองจึงไม่มีสิทธิในที่ดินรายนี้ผู้รับโอนต่อ ๆ มาก็ไม่มีสิทธิดุจกัน
เมื่อเดือนมีนาคม 2494 อธิบดีกรมที่ดินมีคำสั่งให้ไล่นายหลีเองฮก นายตัน เซ่งห๋อง นายไวจูเหลียวรวมทั้งบริวารให้ออกจากที่รายนี้ จำเลยซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่จึงเข้าไปควบคุมดูแลที่นี้และยังมีคำให้การในข้ออื่น ๆ อีก
ศาลชั้นต้นฟังว่าโจทก์ซื้อที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินทำหนังสือสัญญากันที่อำเภอ โจทก์ย่อมไม่มีกรรมสิทธิ์ในที่นี้ พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า คดีนี้กรมที่ดินจำเลยที่ 1 ทำคำสั่งให้ขับไล่โจทก์โดยอาศัยอำนาจตาม มาตรา 15 พระราชบัญญัติออกโฉนดที่ดิน (ฉบับที่ 6) 2479 ซึ่งมีความว่า “ภายหลังที่ใช้พระราชบัญญัตินี้แล้วผู้ใดเข้าครอบครองที่ดินโดยไม่ได้รับอนุญาตพนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจสั่งให้ผู้นั้นออกไปเสียจากที่นั้นได้ ฯลฯ ศาลอุทธรณ์เห็นว่าการครอบครองเป็นข้อเท็จจริง การครอบครองที่รายนี้เริ่มมาแต่เมื่อใด สืบเนื่องกันอย่างไร ยังไม่มีการนำสืบ หากการครอบครองมีมาก่อนบทกฎหมาย ที่กล่าวข้างต้น ผู้ครอบครองจะถูกขับไล่ไม่ได้ ที่ศาลชั้นต้นว่าที่รายนี้เดิมเป็นที่รกร้างว่างเปล่าเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน นายตันเซ่งห้อง ครอบครองโดยอำนาจของตนเองเป็นการมิชอบด้วย กฎหมาย ไม่ทำให้สถานที่เปลี่ยนแปลงจากที่รกร้างว่างเปล่า แม้จะโอนกันไปกี่ทอดที่ก็ยังมีสภาพเป็นที่รกร้างว่างเปล่าอยู่นั่นเอง เหล่านี้ศาลอุทธรณ์ไม่เห็นพ้อง พิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาใหม่
จำเลยทุกคนฎีกา
ศาลฎีกาปรึกษาคดีนี้แล้ว คดีมีข้อเท็จจริงซึ่งจะต้องพิจารณาหลายข้อ ศาลอุทธรณ์ยกขึ้นแสดงไว้นั้นชอบแล้วข้อเท็จจริงเรื่องการครอบครอง เวลาที่ครอบครองตลอดจนสภาพที่ดินเป็นต้น ศาลจังหวัดสั่งงดการนำสืบเสียสิ้นหาชอบไม่ฎีกาจำเลยไม่สามารถโต้แย้งคำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ ศาลฎีกาพิพากษายืน