คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 32/2499

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การอ้างว่าได้มีการครอบครองทำประโยชน์ในที่พิพาทตั้งแต่ปี พ.ศ. 2477 ซึ่งเป็นเวลาก่อนใช้ พ.ร.บ. ออกโฉนดที่ดิน (ฉบับที่ 6) 2479 นั้น เป็นการกล่าวอ้างข้อเท็จจริงที่จะต้องมีการนำพยานบุคคลเข้าสืบกัน ต่อไปทั้งนี้การครอบครองจะเริ่มมาแต่เมื่อใด สืบเนื่องกันมาอย่างไรยังจะต้องมีการนำสืบ หากการครอบครองมีมาก่อนบท ก.ม. ที่กล่าวมาแล้วข้างต้น ผู้ครอบครองจะถูกขับไล่ไม่ได้และไม่ชอบที่ศาลจะตัดพยานบุคคลเกี่ยวกับประเด็นข้อครอบครองเพราะเหตุที่ผู้นำสืบไม่มีเอกสารสำคัญแสดงกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาท.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าที่สวนยาง ๑๔๘๓ ไร่ เดิมตั้งแต่ พ.ศ.๒๔๗๗ นายตัน เช่งห้องเข้าครอบครองทำประโยชน์ ครั้นเมื่อ พ.ศ.๒๔๘๑ นายตัน เช่งห้องขายที่ให้นายหลี เองฮก ขายที่++เข้าครองครองต่อเป็นเจ้าของสืบมา ต่อมานายหลี เองฮก ให้โจทก์ ๆ ซื้อแล้วเข้าครองครอง
ครั้นเมื่อเดือนมีนาคม ๒๔๙๔ จำเลยสมคบกันบุกรุกโจทก์จึงฟ้องขอให้ขับไล่ ไม่ให้จำเลยเกี่ยวข้องกับที่รายนี้ กับมีคำขออย่างอื่นอีก
จำเลยทั้งหมดให้การว่าที่รายนี้เป็นที่รกร้างว่างเปล่าเป็นสาธารณะสมบัติของแผ่นดิน นายตันเช่งห้องไม่เคยได้รับอนุญาตให้จับจองจึงไม่มีสิทธิในที่ดินรายนี้ผู้รับโอนต่อ ๆ มาก็ไม่มีสิทธิดุจกัน
เมื่อเดือนมีนาคม ๒๔๙๔ อธิบดีกรมที่ดินมีคำสั่งให้ไล่นายหลีเองฮก นายตัน เช่งห้อง นายไวจูเหลียว รวมทั้งบริวารให้ออกจากที่รายนี้ จำเลยซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่จึงเข้าไปควบคุมดูแลที่นี้ และยังมีคำให้การในข้ออื่น ๆ อีก
ศาลชั้นต้นฟังว่าโจทก์ซื้อที่สาธารณะสมบัติของแผ่นดินทำหนังสือสัญญากันที่อำเภอ โจทก์ย่อมไม่มีกรรมสิทธิในที่นี้ พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า คดีนี้กรมที่ดินจำเลยที่ ๑ ทำคำสั่งให้ขับไล่โจทก์โดยอาศัยอำนาจตาม ม.๑๕ พ.ร.บ.ออกโฉนดที่ดิน (ฉบับที่ ๖) ๒๔๗+ ซึ่งมีความว่า “ภายหลังที่ใช้ พ.ร.บ.นี้แล้วผู้ใดเข้าครอบครองที่ดินโดยไม่ได้รับอนุญาตพนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจสั่งให้ผู้นั้นออกไปเสียจากที่นั้นได้ ฯลฯ”
ศาลอุทธรณ์เห็นว่าการครอบครองเป็นข้อเท็จจริง การครอบครองที่รายนี้เริ่มมาแต่เมื่อใด สืบเนื่องกันมาอย่างไร ยังไม่มีการนำสืบ หากการครอบครองมีมาก่อนบท ก.ม.ที่กล่าวข้างต้น ผู้ครอบครองจะถูกขับไล่ไม่ได้ ที่ศาลชั้นต้นว่าที่รายนี้เดิมเป็นที่รกร้างว่างเปล่าเป็นสาธารณะสมบัติของแผ่นดิน นายตันเช่งห้อง ครอบครองโดยอำนาจของตนเองเป็นการมิชอบด้วย ก.ม.ไม่ทำให้สถานที่เปี่ยนแปลงจากที่รกร้างว่าง แม้จะโอนกันไปกี่ทอดก็ยังมีสภาพเป็นที่รกร้างว่างเปล่าอยู่นั่นเอง เหล่านี้ศาลอุทธรณ์ไม่เห็นพ้อง พิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาใหม่
จำเลยทุกคนฎีกา
ศาลฎีกาปรึกษาคดีนี้แล้ว คดีมีข้อเท็จจริงซึ่งจะต้องพิจารณาหลายข้อ ศาลอุทธรณ์ยกขึ้นแสดงไว้นั้นชอบแล้ว ข้อเท็จจริงเรื่องการครอบครอง เวลาที่ครองครองตลอดจนสภาพที่ดินเป็นต้น ศาลจังหวัดสั่งงดการนำสืบเสียสิ้นหาชอบไม่ฎีกาจำเลยไม่สามารถโต้แย้งคำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ ศาลฎีกา
พิพากษายืน.

Share