แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ฟ้องโจทก์กล่าวอ้างชัดแจ้งว่าจำเลยเช่าที่ดินโจทก์เนื้อที่30ตารางวาและปลูกบ้านเลขที่16/4บนที่ดินดังกล่าวอยู่อาศัยตลอดมาโดยขอให้บังคับจำเลยรื้อถอนบ้านเลขที่16/4ออกไปจากที่ดินโจทก์ที่จำเลยทำสัญญาเช่ามามิได้ขอให้บังคับขับไล่จำเลยออกไปจากที่ดินโจทก์เนื้อที่เกินกว่า30ตารางวาแม้จะกล่าวอ้างด้วยว่าที่ดินที่จำเลยเช่าเป็นแปลงเดียวกับที่ดินเนื้อที่11ไร่เศษและจำเลยให้การว่าที่ดินตามฟ้องจำเลยมีสิทธิครอบครองอยู่4ไร่โดยโจทก์มอบให้เพื่อชำระราคาที่ดินที่จำเลยขายให้แก่โจทก์แต่จำเลยมิได้ฟ้องแย้งไว้คดีจึงไม่มีประเด็นพิพาทว่าจำเลยครอบครองที่ดินในส่วนที่เกินกว่า30ตารางวาคงพิพาทและบังคับกันได้เฉพาะที่พิพาทตามฟ้องเนื้อที่30ตารางวาศาลย่อมไม่มีอำนาจวินิจฉัยเลยไปถึงว่าให้จำเลยออกไปจากที่ดินเนื้อที่3ไร่เศษของโจทก์ได้เพราะเป็นการพิพากษาเกินกว่าที่ปรากฏในคำฟ้องต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา142วรรคหนึ่ง
ย่อยาว
โจทก์ ฟ้อง ว่า โจทก์ เป็น ผู้ครอบครอง ที่ดิน น.ส.3 ก. เลขที่ 100เนื้อที่ 11 ไร่ เศษ จำเลย ทำ สัญญาเช่า ที่ดิน ดังกล่าว เนื้อที่30 ตารางวา จาก โจทก์ เพื่อ ปลูก บ้าน มี กำหนด 3 ปี ค่าเช่า ปี ละ 6 บาทหลังจาก จำเลย ทำ สัญญาเช่า แล้ว จำเลย ได้ ปลูกสร้าง บ้าน เลขที่ 16/4บน ที่ เช่า โดย จำเลย พร้อม ทั้ง ครอบครัว และ บริวาร อาศัย อยู่ ใน บ้าน เลขที่ดังกล่าว จน ครบ กำหนด เวลา เช่า แล้ว ยัง คง อาศัย อยู่ บน ที่ เช่า และชำระ ค่าเช่า ให้ โจทก์ ตลอดมา โจทก์ ไม่ประสงค์ ที่ จะ ให้ จำเลย เช่าต่อไป จึง ให้ ทนายความ มี หนังสือ บอกกล่าว ให้ จำเลย ขนย้าย ครอบครัว และบริวาร ออก ไป จาก ที่ เช่า จำเลย ได้รับ หนังสือ บอกกล่าว แล้วแต่ เพิกเฉยขอให้ บังคับ จำเลย รื้อถอน บ้าน เลขที่ 16/4 พร้อม ทั้ง ขนย้าย ครอบครัวบริวาร และ ทรัพย์สิน ของ จำเลย ออกจาก ที่ดิน ของ โจทก์ และ ส่งมอบที่ดิน ให้ แก่ โจทก์ ใน สภาพ เรียบร้อย ให้ จำเลย ชดใช้ ค่าเสียหาย แก่ โจทก์นับแต่ วันฟ้อง จนกว่า จำเลย จะ รื้อถอน บ้าน ออก ไป จาก ที่ดิน ของ โจทก์
จำเลย ให้การ ว่า โจทก์ ไม่ได้ ครอบครอง ที่ดิน จำนวน 11 ไร่แต่ ครอบครอง เพียง 7 ไร่ ส่วน อีก 4 ไร่ จำเลย ครอบครอง สร้าง บ้านอาศัย และ ทำประโยชน์ ใน ที่ดิน โดย ความสงบ เปิดเผย ด้วย เจตนา เป็นเจ้าของ ปราศจาก การ รบกวน การ ครอบครอง เป็น เวลา กว่า 10 ปี แล้วเพราะ โจทก์ ส่งมอบ การ ครอบครอง ที่ดิน ดังกล่าว ให้ แก่ จำเลย เพื่อชำระ ราคา ที่ดิน สวน ยางพารา 30 ไร่ ของ จำเลย ที่ ขาย ให้ แก่ โจทก์เมื่อ ปี 2519 สัญญาเช่า เป็น การเช่าที่ดิน เพียง 30 ตารางวาและ ยกเลิก กัน แล้ว ตั้งแต่ ปี 2519 ขอให้ ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้น พิจารณา แล้ว พิพากษา ให้ จำเลย รื้อถอน บ้าน เลขที่16/4 ขนย้าย ทรัพย์สิน และ บริวาร ออก ไป จาก ที่พิพาท ส่งมอบ ที่พิพาทให้ โจทก์ ใน สภาพ เรียบร้อย ให้ จำเลย ใช้ ค่าเสียหาย จนกว่า จะ รื้อถอน บ้านเลขที่ 16/4 ออก ไป จาก ที่พิพาท
จำเลย อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ ภาค 3 พิพากษายืน
จำเลย ฎีกา
ศาลฎีกา วินิจฉัย ว่า ฟ้องโจทก์ กล่าวอ้าง ว่า จำเลย ทำ สัญญาเช่าที่ดิน จาก โจทก์ เพื่อ ปลูก บ้าน เนื้อที่ 30 ตารางวา แม้ จะ กล่าวอ้าง ด้วยว่า ที่ดิน ที่ จำเลย เช่า เป็น แปลง เดียว กับ ที่ดิน เนื้อที่ 11 ไร่ เศษที่ โจทก์ มีสิทธิ ครอบครอง อยู่ แต่ คำฟ้อง ตอน ต่อไป ก็ กล่าวอ้าง ว่าหลังจาก จำเลย ทำ สัญญาเช่า ที่ดิน จาก โจทก์ แล้ว จำเลย ปลูก บ้านเลขที่ 16/4 บน ที่ดิน แปลง ดังกล่าว อยู่อาศัย ตลอดมา และ คำขอบังคับก็ ขอให้ จำเลย รื้อถอน บ้าน เลขที่ 16/4 ออก ไป จาก ที่ดิน โจทก์ จึง มีความหมาย ชัดแจ้ง ว่า ที่พิพาท ซึ่ง โจทก์ ฟ้อง ขอให้ บังคับ ขับไล่ จำเลยคือ ที่ดิน ที่ จำเลย ทำ สัญญาเช่า กับ โจทก์ เพื่อ ปลูก บ้าน ดังกล่าว เป็นเนื้อที่ 30 ตารางวา แม้ จำเลย จะ ยื่นคำให้การ ว่า ที่ดิน ตาม ฟ้อง จำเลยมีสิทธิ ครอบครอง อยู่ 4 ไร่ โดย โจทก์ มอบ ให้ เพื่อ ชำระ ราคา ที่ดินที่ จำเลย ขาย ให้ แก่ โจทก์ แต่ จำเลย มิได้ ฟ้องแย้ง ไว้ คดี จึง ไม่มีประเด็น พิพาท ว่า จำเลย ครอบครอง ที่ดิน ใน ส่วน ที่ เกินกว่า 30 ตารางวาคง พิพาท และ บังคับ กัน ได้ เฉพาะ ที่พิพาท ตาม ฟ้อง เนื้อที่ 30 ตารางวาไม่อาจ บังคับ กัน ได้ ใน จำนวน เนื้อที่ เกินกว่า นั้น จำนวน ทุนทรัพย์จึง ต้อง ตีราคา จาก ที่พิพาท เนื้อที่ 30 ตารางวา ซึ่ง มี ราคา ไม่เกินห้า หมื่น บาท จึง เป็น คดี ที่ ราคา ทรัพย์สิน หรือ จำนวน ทุนทรัพย์ ที่พิพาทกัน ใน ชั้นอุทธรณ์ ไม่เกิน ห้า หมื่น บาท ห้าม มิให้ คู่ความ อุทธรณ์ใน ข้อเท็จจริง ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 224วรรคหนึ่ง ข้อเท็จจริง จึง ต้อง ยุติ ตาม ที่ ศาลชั้นต้น ได้ วินิจฉัย จากพยานหลักฐาน ว่า จำเลย ทำ สัญญาเช่า ที่ดิน 30 ตารางวา ของ โจทก์จาก โจทก์
ปัญหา ต้อง วินิจฉัย ตาม ฎีกา ของ จำเลย ใน ปัญหาข้อกฎหมาย ว่าการ ที่ ศาลอุทธรณ์ ภาค 3 พิพากษา ให้ ขับไล่ จำเลย ออกจาก ที่ดินเนื้อที่ 3 ไร่ 3 งาน 44 ตารางวา ขัด ต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142 หรือไม่ จำเลย ฎีกา ว่าโจทก์ มิได้ กล่าวอ้าง จำนวน เนื้อที่ ดังกล่าว มา ใน ฟ้อง คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ภาค 3 จึง ขัด ต่อ กฎหมาย ดังกล่าว เห็นว่า ศาลชั้นต้น ฟังข้อเท็จจริง มา ว่า จำเลย สร้าง บ้าน เลขที่ 16/4 บน ที่พิพาท แล้ว วินิจฉัยว่า ที่ดิน ตาม เส้น สีแดง ใน แผนที่ วิวาท เอกสาร หมาย จ. ล. 1 เนื้อที่ 3 ไร่3 งาน 44 ตารางวา เป็น ของ โจทก์ และ พิพากษา ให้ จำเลย รื้อถอนบ้าน เลขที่ 16/4 และ ขนย้าย ทรัพย์สิน กับ บริวาร ออก ไป จาก ที่พิพาทเนื้อที่ 3 ไร่ เศษ ได้ นั้น เมื่อ คำฟ้อง กล่าวอ้าง ชัดแจ้ง ว่า จำเลยเช่า ที่ดิน โจทก์ เนื้อที่ 30 ตารางวา และ ปลูก บ้าน เลขที่ 16/4บน ที่ดิน แปลง ดังกล่าว อยู่อาศัย ตลอดมา โดย ขอให้ บังคับ จำเลยรื้อถอน บ้าน เลขที่ 16/4 ออก ไป จาก ที่ดิน โจทก์ ที่ จำเลย ทำ สัญญาเช่า มามิได้ ขอให้ บังคับ ขับไล่ จำเลย ออก ไป จาก ที่ดิน โจทก์ เนื้อที่ เกินกว่า 30ตารางวา เช่นนี้ และ คดี ไม่มี ประเด็น พิพาท ว่า จำเลย ครอบครอง ที่ดินใน ส่วน ที่ เกิน 30 ตารางวา ตาม ฟ้อง ศาล ย่อม ไม่มี อำนาจ วินิจฉัย เลยไป ถึง ว่า ให้ จำเลย ออก ไป จาก ที่ดิน เนื้อที่ 3 ไร่ เศษ ของ โจทก์ ได้เพราะ เป็น การ พิพากษา เกินกว่า ที่ ปรากฏ ใน คำฟ้อง ต้องห้าม ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142 วรรคหนึ่ง
พิพากษาแก้ เป็น ว่า สำหรับ ที่พิพาท มี เนื้อที่ 30 ตารางวา ตามบริเวณ ที่ ระบาย สี เหลือง ใน แผนที่ วิวาท นอกจาก ที่ แก้ ให้ เป็น ไป ตามคำพิพากษา ศาลอุทธรณ์ ภาค 3