คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3194/2522

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

จำเลยแถลงรับแล้วว่า สัญญากู้และสัญญาค้ำประกันที่โจทก์นำมาฟ้องถูกต้องตามข้อความในเอกสาร ฟังได้ว่าจำเลยกู้และค้ำประกันโดยมีหลักฐานเป็นหนังสือ ไม่ต้องอาศัยพยานหลักฐานจากตัวเอกสารนั้นอีก ไม่ต้องวินิจฉัยปัญหาเรื่องอากรแสตมป์

ย่อยาว

เกี่ยวกับสัญญากู้และค้ำประกันที่โจทก์นำมาฟ้อง คู่ความแถลงดังนี้

“ถึงวันนัดสืบพยานจำเลย โจทก์ส่งเอกสารสัญญายืมและค้ำประกันรายพิพาท ศาลหมาย จ.1 จำเลยส่งสำเนาสัญญายืมและค้ำประกันรายพิพาทเช่นเดียวกัน พร้อมกับบัญชีเงินฝากของโจทก์อีก 3 แผ่น ศาลหมาย ล.1 ถึง ล.4 แล้วโจทก์จำเลยต่างแถลงรับว่า เอกสารที่โจทก์จำเลยส่งศาลนั้นเป็นเอกสารที่ถูกต้องตามข้อความที่ปรากฏในเอกสารนั้น ๆ” ศาลชั้นต้นงดสืบพยานโจทก์จำเลยแล้วพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ชำระเงิน 9,200 บาทแก่โจทก์ถ้าไม่ชำระให้จำเลยที่ 2 ชำระแทน ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “คดีมีประเด็นในชั้นฎีกาเฉพาะปัญหาข้อกฎหมายที่จำเลยฎีกาว่า สัญญากู้และสัญญาค้ำประกันตามเอกสารหมาย จ.1ไม่สมบูรณ์เพราะเพิ่งมาปิดอากรแสตมป์ภายหลังฟ้องและยังปิดไว้ไม่ครบจำนวนด้วย

พิเคราะห์แล้ว คดีนี้จำเลยได้แถลงรับอยู่แล้วว่า สัญญากู้และสัญญาค้ำประกันหมาย จ.1 ที่โจทก์นำมาฟ้องนั้นเป็นเอกสารที่ถูกต้องตามข้อความที่ปรากฏในเอกสารนั้น คำแถลงรับของจำเลยจึงเป็นอันฟังได้อยู่แล้วว่าจำเลยได้กู้ยืมเงินโจทก์และค้ำประกันต่อโจทก์ไว้ โดยมีหลักฐานเป็นหนังสือจริง โดยไม่จำต้องอาศัยพยานหลักฐานจากตัวเอกสารนั้นอีก ฉะนั้น จึงไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยถึงปัญหาเรื่องอากรแสตมป์ในเอกสารนั้นดังที่ศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยมาชอบแล้ว”

พิพากษายืน

Share