คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3193/2534

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ทำนาพิพาทในฐานะผู้เช่าจากจำเลยที่ 1 แม้จะไม่ได้ทำสัญญาเช่าเป็นหนังสือก็ต้องถือว่าเป็นการเช่าตามที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2528 มาตรา 5ที่บัญญัติว่า “การเช่า” หมายความว่าการเช่าหรือการเช่าช่วงโดยได้รับความยินยอมจากผู้ให้เช่า… ทั้งนี้ไม่ว่าการเช่าหรือการเช่าช่วงนั้นจะมีหลักฐานเป็นหนังสือหรือไม่ก็ตาม.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 เป็นเจ้าของนาโฉนดเลขที่ 8984อำเภอเมืองลพบุรี จังหวัดลพบุรี จำเลยที่ 1 ให้นาง บ. พี่สาวเป็นผู้ทำกิน ก่อนถึงฤดูทำนา พ.ศ. 2525 นาง บ. ป่วยจนทำนาไม่ได้จึงแจ้งให้จำเลยที่ 1 ทราบ จำเลยที่ 1 ให้นาง บ. หาคนเช่าทำนา นาง บ.ตกลงให้โจทก์เช่านาและแจ้งให้จำเลยที่ 1 ทราบแล้ว โจทก์จึงเข้าทำนาในฐานะผู้เช่านาของจำเลยที่ 1 และชำระค่าเช่าให้แก่เจ้าของนาทุกปีต่อมาจำเลยที่ 1 ที่ 2 ร่วมกันแจ้งเท็จต่อเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดลพบุรีว่าที่ดินดังกล่าวไม่มีผู้เช่า จำเลยที่ 1 ตกลงขายให้แก่จำเลยที่ 2 ที่ 3 เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดลพบุรีจึงจดทะเบียนโอนขายให้แก่จำเลยที่ 2 ที่ 3 โดยมิได้แจ้งให้โจทก์ทราบ โจทก์ยังมีสิทธิเช่าทำนาอยู่ได้ตามกฎหมาย โจทก์จึงไปร้องต่อคชก.ตำบลแล้ว คชก.ตำบลมีมติว่าโจทก์เป็นผู้เช่านา ให้โจทก์เช่านาต่อไปอีก 4 ปี ตั้งแต่ฤดูการทำนา พ.ศ. 2527 ถึง พ.ศ. 2530 จำเลยที่ 1 อุทธรณ์ต่อ คชก. จังหวัดลพบุรี คชก. จังหวัดลพบุรีกลับมีมติคชก.ตำบล ว่าโจทก์ไม่ใช่ผู้เช่านาให้โจทก์คืนนาแก่จำเลยที่ 1 มติดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมาย ขัดต่อความจริงเพราะโจทก์เช่านาจากจำเลยที่ 1 ชำระค่าเช่าให้เจ้าของนาทุกปี ขอให้เพิกถอนมติ คชก.จังหวัดลพบุรี ให้โจทก์เป็นผู้มีสิทธิเช่าที่นาดังกล่าวตามมติ คชก.ตำบล ห้ามจำเลยที่ 1 ที่ 2 ที่ 3 ขัดขวางโจทก์ในการเข้าทำนา
จำเลยที่ 1 ขาดนัดยื่นคำให้การ
จำเลยที่ 2 ที่ 3 ให้การว่า หลังจากจำเลยทั้งสองรับโอนที่ดินจากจำเลยที่ 1 นาง บ. อยากได้ที่ดินแปลงพิพาทจึงร่วมมือกับโจทก์อาศัยพระราชบัญญัติการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรมบิดเบือนว่าจำเลยที่ 1 เป็นผู้เช่านา
จำเลยที่ 4 ให้การว่า เป็นผู้ว่าราชการจังหวัด เป็นประธานคชก. การดำเนินการวินิฉัย มีมติต่าง ๆ ของ คชก. จังหวัดลพบุรีเป็นอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการ จำเลยที่ 4 ไม่มีอำนาจสั่งการให้มีคำวินิจฉัยอย่างใด
ศาลชั้นต้นพิพากษาเพิกถอนมติของ คชก. จังหวัด ให้บังคับคดีไปตามมติ ของ คชก.ตำบล ให้โจทก์เป็นผู้มีสิทธิเช่านาตามฟ้องอีก4 ปี นับแต่ พ.ศ. 2527 ถึง พ.ศ. 2530 ห้ามจำเลยที่ 1 ที่ 2 ที่ 3ขัดขวางในการเข้าทำนา
จำเลยที่ 1 ที่ 2 ที่ 3 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อเท็จจริงว่า โจทก์เป็นผู้ทำนาพิพาทอยู่โดยจำเลยที่ 1 ได้รับผลประโยชน์แต่ไม่มีการทำสัญญาเช่าเป็นหนังสือข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่าโจทก์เป็นผู้ทำนาพิพาทในฐานะผู้เช่าจากจำเลยที่ 1 แม้จะไม่มีการทำสัญญาเป็นหนังสือ ก็ต้องถือว่าเป็นการเช่าตามที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรมพ.ศ. 2524 ที่บัญญัติว่า “การเช่า หมายความว่าการเช่าหรือการเช่าช่วงโดยได้รับความยินยอมจากผู้ให้เช่า… ทั้งนี้ไม่ว่าการเช่าหรือการเช่าช่วงนั้นจะมีหลักฐานเป็นหนังสือหรือไม่ก็ตาม…
พิพากษากลับ ให้บังคับคดีจำเลยที่ 1 ที่ 2 ที่ 3 ไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น.

Share