คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3180/2530

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้คัดค้านเป็นหัวหน้าแผนกขายส่วนกลาง ยอมให้ผู้ถอนหรือผู้เบิกรับแบตเตอรี่ไปก่อน ไม่มีใบถอนทันทีโดยจะมีการจัดส่งใบถอนหรือใบรับในภายหลังอันเป็นการไม่ปฏิบัติตามระเบียบของผู้ร้องเกี่ยวกับการถอนหรือเบิกแบตเตอรี่ แม้จะมีการปฏิบัติดังกล่าวมานานก็ตาม ก็ไม่อาจอ้างว่าเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยถูกต้องได้ การกระทำของผู้คัดค้านจึงเป็นการกระทำโดยปราศจากความระมัดระวังตามวิสัยและพฤติการณ์ถือได้ว่าเป็นการประมาทเลินเล่อในหน้าที่การงาน เมื่อการกระทำดังกล่าวทำให้ผู้ร้องเสียหายเป็นเงินประมาณสี่แสนบาท และตามระเบียบข้อบังคับของผู้ร้อง การประมาทเลินเล่อในหน้าที่การงานเป็นเหตุให้องค์การ (ผู้ร้อง) เสียหายอย่างร้ายแรง เป็นความผิดวินัยอย่างร้ายแรง ดังนี้ผู้ร้องจึงมีสิทธิเลิกจ้างผู้คัดค้านซึ่งเป็นกรรมการลูกจ้างได้.

ย่อยาว

ผู้ร้องยื่นคำร้องว่านายพิเชษฐ ผิวแก้วกรรมการลูกจ้างได้อาศัยหรือยอมให้ผู้อื่นอาศัยอำนาจหน้าที่การงานของตนหาประโยชน์ให้แก่ตนเองหรือผู้อื่นและปฏิบัติหรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้ตนเองหรือผู้อื่นได้รับประโยชน์ที่มิควรได้เป็นการทุจริตและเป็นความผิดอย่างร้ายแรงขออนุญาตเลิกจ้างและลงโทษด้วยการไล่ออก
นายพิเชษฐ์ ผิวแก้วผู้คัดค้านให้การว่าไม่เคยทุจริตต่อหน้าที่การงานและไม่เคยกระทำผิดอย่างร้ายแรง ผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิที่จะไล่ผู้คัดค้านออกผู้คัดค้านได้ปฏิบัติหน้าที่ตามระเบียบและประเพณีที่ได้ปฏิบัติสืบทอดกันมาเป็นเวลา 10 ปีเศษขอให้ยกคำร้อง
ในวันนัดสืบพยานผู้ร้องและผู้คัดค้านแถลงรับข้อเท็จจริงบางประการ ศาลแรงงานกลางเห็นว่าคดีวินิจฉัยได้โดยไม่จำต้องสืบพยานจึงให้งดสืบพยาน
ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งว่าหากผู้ร้องจะลงโทษผู้คัดค้านซึ่งต้องขออนุญาตศาลแล้วก็ให้ลงโทษลดขั้นเงินเดือน 1 ขั้น
ผู้ร้องอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานพิพากษายกคำสั่งศาลแรงงานกลางให้ศาลแรงงานกลางสืบพยานในประเด็นแห่งคดีแล้วมีคำสั่งใหม่
ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยว่าไม่มีเหตุเลิกจ้างผู้คัดค้านได้มีคำสั่งให้ยกคำร้องของผู้ร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยข้อกฎหมายว่าข้อเท็จจริงได้ความตามคำวินิจฉัยของศาลแรงงานกลางว่าตามข้อตกลงเกี่ยวกับการเบิกแบตเตอรี่จะต้องมีใบถอนกรณีพิพาทนี้ได้ความตามทางสอบสวนว่ามีการจ่ายและส่งแบบเตอรี่กันโดยไม่มีใบถอนทันทีโดยอ้างว่าจะจัดส่งใบถอนและใบรับกันในภายหลังซึ่งได้มีการปฏิบัติเช่นนี้ก่อนที่ผู้คัดค้านมาดำรงตำแหน่งหัวหน้าแผนกขายส่วนกลางโดยมีการติดต่อตกลงด้วยวาจาหรือทางโทรศัพท์อันเป็นเรื่องของความประมาทเลินเล่อพิเคราะห์แล้วผู้ร้องมีข้อบังคับองค์การแบตเตอรี่ว่าด้วยการพนักงานพ.ศ.2522 อันเป็นข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างข้อ 27 ‘พนักงานต้องสนับสนุนนโยบายของรัฐบาลด้วยความบริสุทธิ์และต้องตั้งใจปฏิบัติหน้าที่การงานด้วยความซื้อสัตย์สุจริต ฯลฯ
การประมาทเลินเล่อในหน้าที่การงานหรือปฏิบัติหน้าที่การงานโดยจงใจไม่ปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับและแบบธรรมเนียมขององค์การหรือของมติของคณะกรรมการอันเป็นเหตุให้เสียหายแก่องค์การอย่างร้ายแรงเป็นความผิดวินัยอย่างร้ายแรง’
ข้อ 40. ‘โทษผิดวินัยมี 6 สถานคือ
(1) ไล่ออก
(2) ปลอดออก
ฯลฯ’
ข้อ 41. ‘การลงโทษไล่ออกนั้นจะกระทำได้เมื่อพนักงานผู้ใดกระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรงดังระบุไว้ในข้อ 26, 27, 29, 30, 31ฯลฯ ไม่มีสิทธิได้รับบำเหน็จ’
ศาลฎีกาเห็นว่าเมื่อผู้คัดค้านมิได้ปฏิบัติตามระเบียบของผู้ร้องเกี่ยวกับการถอนหรือเบิกแบตเตอรี่โดยยอมให้ผู้ถอนหรือผู้เบิกรับแบตเตอรี่ไปก่อนไม่มีใบถอนทันทีโดยจะมีการจัดส่งใบถอนและใบรับกันในภายหลัง ซึ่งแม้จะได้มีการปฏิบัติเช่นนี้กันมานานก็ดีกรณีก็ยังเป็นการไม่ปฏิบัติตามระเบียบของผู้ร้องตลอดมาอันไม่อาจกล่าวอ้างได้ว่าเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยถูกต้องได้ทั้งไม่ปรากฏว่าผู้ร้องได้ยินยอมให้ผู้คัดค้านปฏิบัติหน้าที่เช่นนั้น การกระทำของผู้คัดค้านจึงเป็นการกระทำโดยปราศจากความระมัดระวังตามวิสัยและพฤติการณืในฐานะที่เป็นหัวหน้าแผนกขายส่วนกลางในอันที่จะรักษาผลประโยชน์ของผู้ร้องซึ่งถือได้ว่าเป็นการประมาทเลินเล่อในหน้าที่การงานทำให้ผู้ร้องเสียหายเป็นเงินประมาณสี่แสนบาทอันเป็นความผิดวินัยอย่างร้ายแรงตามข้อ 27 วรรคสองของข้อบังคับองค์การแบตเตอรี่ว่าด้วยการพนักงานพ.ศ.2522 แล้วผู้ร้องจึงมีสิทธิเลกจ้างผู้คัดค้านได้
พิพากษากลับอนุญาตให้ผู้ร้องเลิกจ้างผู้คัดค้านได้ตามขอ.

Share