คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 318/2496

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เจ้าของร่วมในที่ดินแปลงหนึ่งนั้น ตามกฎหมายในเบื้องต้นก็ต้องถือว่า ต่างคนต่างมีส่วนเป็นเจ้าของพัวพันกันอยู่ฉะนั้นเมื่อเจ้าของร่วมได้ตกลงกันกำหนดลงไปว่า ใครได้ตรงไหนดังนี้ก็ย่อมเป็นการระงับข้อพิพาทอันจะมีขึ้นให้เสร็จไป เพราะเป็นการตกลงเพื่อเป็นที่แน่นอนไม่โต้เถียงแย่งกันเอาส่วนนั้นส่วนนี้ฉะนั้นข้อตกลงดังกล่าว จึงเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 850 เมื่อไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือก็ย่อมจะฟ้องร้องบังคับคดี ไม่ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์จำเลยและนายเลาะนายซัน ได้ร่วมทุนกันซื้อที่ดินแปลงหนึ่ง โดยตกลงกำหนดส่วนของแต่ละคนไว้ และต่างได้ครอบครองตามส่วนของตน โจทก์จะขอแบ่งแยก นายเลาะ นายซันไม่ขัดข้อง แต่จำเลยไม่ยอม กลับบุกรุกเข้ามาในส่วนของโจทก์ขอให้ศาลแสดงว่าที่พิพาทในเขตแผนที่ว่าเป็นของโจทก์ ให้จำเลยแบ่งแยก

จำเลยทั้งสอง ให้การว่า ได้ตกลงแบ่งกันจริง แต่ส่วนของโจทก์ไม่ได้เป็นดังโจทก์ฟ้อง ในชั้นพิจารณาคู่ความรับกันว่า โจทก์จำเลยนายเลาะ และนายซันมีกรรมสิทธิ์ร่วมกันในที่แปลงนี้ คงเถียงกันในข้อตกลงที่ว่า ตกลงกันอย่างไรเท่านั้น

ศาลจังหวัดมีนบุรี สั่งงดสืบพยาน และพิพากษาว่า ข้อตกลงเช่นนี้เป็นสัญญาประนีประนอมยอมความ เมื่อไม่ได้ทำหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อฝ่ายที่ต้องรับผิดไว้ ก็ฟ้องร้องบังคับคดีไม่ได้ ให้ยกฟ้องโจทก์

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ข้อตกลงดังกล่าวไม่ใช่สัญญาประนีประนอมยอมความ เพราะมิใช่ประสงค์จะระงับข้อพิพาทที่มีอยู่หรือจะมีขึ้นให้เสร็จไป ฯลฯ พิพากษาให้ศาลชั้นต้นดำเนินการพิจารณาต่อไป

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า การที่โจทก์จำเลยนายเลาะและนายซันเป็นเจ้าของร่วมกันในที่พิพาทนั้น ตามกฎหมายในเบื้องต้นก็ต้องถือว่าต่างคนต่างมีส่วนเป็นเจ้าของพัวพันกันอยู่ แต่อาจแบ่งกันเองได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1364 ซึ่งหมายความว่าถ้าไม่ได้ลงมือแบ่งกันโดยเด็ดขาด ก็ทำสัญญาผูกมัดกันไว้ก่อนได้ ศาลฎีกาได้พิเคราะห์ลักษณะและสภาพของสัญญาในคดีนี้แล้ว เห็นว่าเข้าลักษณะเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความต้องตามที่มาตรา 850 บัญญัติไว้ เพราะเมื่อสิทธิของเจ้าของรวมมีส่วนพัวพันกันแล้ว การตกลงกำหนดลงไปว่าใครได้ตรงไหน ก็ย่อมเป็นการระงับข้อพิพาทอันจะมีขึ้นให้เสร็จไป ฯลฯ

จึงพิพากษากลับศาลอุทธรณ์ ให้บังคับคดีตามศาลชั้นต้น

Share