แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
คดีเดิมโจทก์ฟ้องให้จำเลยที่1รับผิดในฐานะผู้ออกตั๋วสัญญาใช้เงินและจำเลยที่2ในฐานะ ผู้รับอาวัลศาลพิพากษายกฟ้องเพราะคดีขาดอายุความคดีถึงที่สุดต่อมาโจทก์มาฟ้องให้จำเลยทั้งสองรับผิดตามหนังสือรับรองการขายตั๋วสัญญาใช้เงินเมื่อสัญญามีข้อความว่าจำเลยที่1ไม่จ่ายเงินตามมูลค่าแห่งตั๋วสัญญาใช้เงินจำเลยที่1ยอมใช้เงินให้แก่โจทก์จนครบถ้วนตลอดถึงค่าเสียหายจึงเป็นคนละประเด็นกับที่พิพาทในคดีเดิมฟ้องโจทก์ส่วนที่เกี่ยวกับจำเลยที่1จึงไม่เป็น ฟ้องซ้ำส่วนที่เกี่ยวกับจำเลยที่2นั้นเมื่อสัญญาไม่มีข้อความในลักษณะเป็นการ ค้ำประกัน คงระบุเพียงว่าเป็น ผู้รับอาวัล จึงเป็นการ ใช้สิทธิเรียกร้องให้จำเลยที่2รับผิดในฐานะ ผู้รับอาวัลโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกับคดีเดิมจึงเป็น ฟ้องซ้ำ
ย่อยาว
โจทก์ ฟ้อง ขอให้ บังคับ จำเลย ทั้ง สอง ร่วมกัน ชำระ เงิน จำนวน137,095.88 บาท แก่ โจทก์ พร้อม ด้วย ดอกเบี้ย ร้อยละ 17.5 ต่อ ปีของ ต้นเงิน 60,000 บาท นับแต่ วันฟ้อง จนกว่า ชำระ เสร็จ
จำเลย ทั้ง สาม ให้การ และ แก้ไข คำให้การ ว่า จำเลย ที่ 1 เป็นผู้ออกตั๋ว สัญญา ใช้ เงิน ทั้ง สอง ตาม ฟ้อง โดย มี จำเลย ที่ 2 เป็น ผู้ อาวัลจริง แต่ โจทก์ เคย ฟ้อง จำเลย ทั้ง สอง ใน คดี หมายเลขแดง ที่ 1442/2533ของ ศาลชั้นต้น ให้ จำเลย ที่ 1 ใน ฐานะ ผู้ออกตั๋ว สัญญา ใช้ เงินและ จำเลย ที่ 2 ใน ฐานะ ผู้รับ อาวัล รับผิด คดีถึงที่สุด แล้ว ฟ้องโจทก์ คดี นี้ จึง เป็น ฟ้องซ้ำ ขอให้ ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้น พิพากษา ให้ จำเลย ทั้ง สอง ร่วมกัน ชำระ เงิน จำนวน60,000 บาท พร้อม ด้วย ดอกเบี้ย ใน อัตรา ร้อยละ 17.5 ต่อ ปี ก่อน ฟ้องเป็น เวลา 5 ปี และ ใน อัตรา เดียว กัน นับแต่ วันฟ้อง จนกว่า จะ ชำระ เสร็จที่ ขอ เกิน มา ให้ยก เสีย
จำเลย ทั้ง สอง อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ พิพากษากลับ ให้ยก ฟ้องโจทก์
โจทก์ ฎีกา
ศาลฎีกา วินิจฉัย ว่า “พิเคราะห์ แล้ว คดี เดิม โจทก์ ฟ้อง ให้ จำเลยทั้ง สอง ร่วมกัน รับผิด ตาม ตั๋วสัญญาใช้เงิน ใน ฐานะ ผู้ออกตั๋ว สัญญาใช้ เงิน และ ผู้รับ อาวัล ตาม เอกสาร หมาย จ. 3 และ จ. 5 คดี นี้โจทก์ ฟ้อง จำเลย ทั้ง สอง ให้ ร่วมกัน รับผิด ตาม หนังสือ รับรอง การ ขายตั๋วสัญญาใช้เงิน เอกสาร หมาย จ. 4 และ จ. 6 ศาลฎีกา เห็นสมควร วินิจฉัยกรณี ที่ เกี่ยวกับ จำเลย ที่ 1 เสีย ก่อน พิจารณา แล้ว เห็นว่า คดี เดิมโจทก์ ฟ้อง เรียก ให้ จำเลย ที่ 1 รับผิด ตาม ตั๋วสัญญาใช้เงิน ศาลพิพากษายก ฟ้อง เพราะ คดี ขาดอายุความ แต่ คดี นี้ โจทก์ ฟ้อง ให้ จำเลยที่ 1 รับผิด ตาม หนังสือ รับรอง การ ขาย ตั๋วสัญญาใช้เงิน ซึ่ง เป็นการ เรียกร้อง ให้ รับผิด ตาม สัญญา อีก ฉบับ หนึ่ง ต่างหาก จาก ตั๋ว สัญญาใช้ เงิน เมื่อ สัญญา ดังกล่าว มี ข้อความ ว่า จำเลย ที่ 1 ไม่จ่าย เงินตาม มูลค่า แห่ง ตั๋วสัญญาใช้เงิน จำเลย ที่ 1 ยอม ใช้ เงิน ให้ แก่ โจทก์จน ครบถ้วน ตลอด ถึง ค่าเสียหาย จึง เป็น คน ละ ประเด็น ที่ โจทก์ และจำเลย ที่ 1 พิพาท กัน ใน คดี เดิม ฟ้องโจทก์ ส่วน ที่ เกี่ยวกับ จำเลย ที่ 1จึง ไม่เป็น ฟ้องซ้ำ ฎีกา ของ โจทก์ ส่วน ที่ เกี่ยวกับ จำเลย ที่ 1ฟังขึ้น แต่ ศาลอุทธรณ์ ยัง มิได้ วินิจฉัย ข้อเท็จจริง อัน เกี่ยวกับความรับผิด ตาม สัญญา ที่ จำเลย ที่ 1 จะ ต้อง รับผิด ต่อ โจทก์ ตาม ประเด็นข้อพิพาท แห่ง คดี ข้อ 1 ถึง ข้อ 4 ซึ่ง เป็น สาระสำคัญ ใน ประเด็น แห่ง คดีกรณี จึง ต้อง ย้อนสำนวน ให้ ศาลอุทธรณ์ วินิจฉัย ข้อเท็จจริง เช่นว่า นั้นเสีย ก่อน แล้ว พิพากษา ใหม่ ตาม รูปคดี สำหรับ กรณี ฟ้อง ของ โจทก์ส่วน ที่ เกี่ยวข้อง กับ จำเลย ที่ 2 นั้น ตาม หนังสือ รับรอง การ ขายตั๋วสัญญาใช้เงิน เอกสาร หมาย จ. 4 และ จ. 6 มี ข้อความ ระบุ ถึง จำเลยที่ 2 เพียง ว่า จำเลย ที่ 2 ผู้รับ อาวัล ได้ ทราบ ข้อตกลง ใน การ ที่จำเลย ที่ 1 ได้ นำ ตั๋วสัญญาใช้เงิน มา ขาย ให้ แก่ โจทก์ ดังกล่าว ข้างต้นแล้ว ทุกประการ จำเลย ที่ 2 ยินยอม รับอาวัล และ จำเลย ที่ 2ลงลายมือชื่อ ใน ฐานะ ผู้รับ อาวัล เห็นว่า ตาม หนังสือ รับรอง การ ขายตั๋วสัญญาใช้เงิน ดังกล่าว ไม่ปรากฏ ว่า มี ข้อความ อื่น ใด ใน ลักษณะเป็น การ ค้ำประกัน คง ระบุ แต่เพียง ว่า เป็น ผู้รับ อาวัล แม้ จะ ระบุถึง เรื่อง การ ผ่อน เวลา ไว้ ก็ คง เป็น การ กล่าว ถึง ความรับผิด ของจำเลย ที่ 2 ใน ฐานะ ผู้รับ อาวัล ซึ่ง ต้อง ผูกพัน เป็น อย่างเดียว กับบุคคล ที่ ตน ประกัน ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 940 โดยไม่อาจ อ้าง เรื่อง การ ผ่อน เวลา ตาม หลัก ค้ำประกัน ทั่วไป ใน มาตรา 700ขึ้น ต่อสู้ ได้ อยู่ แล้ว ดังนั้น ฟ้องโจทก์ ที่ เกี่ยวกับ จำเลย ที่ 2คดี นี้ จึง เป็น การ ใช้ สิทธิเรียกร้อง ให้ จำเลย ที่ 2 ร่วมรับผิด ตามตั๋วสัญญาใช้เงิน ตาม เอกสาร หมาย จ. 3 และ จ. 5 ใน ฐานะ ผู้รับ อาวัลตั๋วสัญญาใช้เงิน นั่นเอง อันเป็น ประเด็น ข้อ วินิจฉัย โดย อาศัย เหตุอย่างเดียว กัน กับ คดี เดิม และ เมื่อ คดีถึงที่สุด แล้ว ฟ้อง ของ โจทก์เกี่ยวกับ จำเลย ที่ 2 คดี นี้ จึง เป็น ฟ้องซ้ำ ศาลอุทธรณ์ พิพากษา ชอบแล้วฎีกา ของ โจทก์ ส่วน ที่ เกี่ยวกับ จำเลย ที่ 2 ฟังไม่ขึ้น ”
พิพากษาแก้ เป็น ว่า ให้ยก คำพิพากษา ศาลอุทธรณ์ ใน ส่วน ที่เกี่ยวกับ จำเลย ที่ 1 แล้ว ให้ ศาลอุทธรณ์ พิจารณา พิพากษาคดีระหว่าง โจทก์ กับ จำเลย ที่ 1 ใหม่ ตาม รูปคดี นอกจาก ที่ แก้ ให้ เป็น ไปตาม คำพิพากษา ศาลอุทธรณ์