คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3173/2537

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ที่ดินโจทก์ติดกับที่ดินของจำเลยที่ 1 รั้วพิพาทเป็นรั้วกั้นแนวเขตระหว่างที่ดินของบุคคลทั้งสอง โดยโจทก์และจำเลยที่ 1ซื้อที่ดินและทาวน์เฮาส์จากจำเลยที่ 3 ซึ่งจำเลยที่ 3 เป็นผู้สร้างขายพร้อมกับทำรั้วกั้นแนวเขตให้เช่นเดียวกับทาวน์เฮาส์หลังอื่น ๆที่อยู่ในแนวเดียวกัน ดังนั้นโจทก์และจำเลยที่ 1 จึงเป็นเจ้าของรั้วพิพาทรวมกันตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1344 การที่ฝ่ายจำเลยต่อเติมรั้วพิพาทเป็นกำแพงหรือผนังของอาคารทำให้รั้วหมดสภาพไปย่อมเป็นการขัดต่อสิทธิของโจทก์ นอกจากนั้นตามข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่อง การควบคุมการก่อสร้างอาคารพ.ศ. 2522 ข้อ 27 ก็ได้กำหนดไว้ว่า รั้วหรือกำแพงกั้นเขตให้ทำได้สูงเหนือระดับถนนสาธารณะไม่เกิน 3 เมตร ฝ่ายจำเลยได้ต่อเติมกำแพงรั้วสูงจากระดับรั้วเดิมมากอันเป็นการผิดต่อข้อบัญญัติกรุงเทพมหานครดังกล่าว จำเลยที่ 1 จะอ้างว่ารั้วพิพาทนอกจากใช้เพื่อเป็นแนวเขตแล้วยังสามารถใช้เป็นกำแพงหรือผนังอาคารได้ด้วยหาได้ไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสามร่วมกันรื้อถอนอาคารส่วนที่สร้างบนกำแพงรั้วของโจทก์และทำการซ่อมกำแพงรั้วของโจทก์ให้อยู่ในสภาพเดิม โดยจำเลยทั้งสามเป็นผู้เสียค่าใช้จ่ายและให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชำระค่าเสียหายจำนวน 100,000 บาทพร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยทั้งสามให้การทำนองเดียวกัน และจำเลยที่ 3 แก้ไขคำให้การและฟ้องแย้งว่า จำเลยต่อเติมอาคารโดยไม่ได้รุกล้ำหรือกระทำให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ กำแพงรั้วพิพาทเป็นของจำเลยที่ 3 โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องขอให้ยกฟ้องและขอให้บังคับโจทก์รื้อเหล็กตาข่ายที่ติดตรึงกำแพงรั้วของจำเลยที่ 3 ออกไป และซ่อมแซมรั้วกำแพงให้อยู่ในสภาพเดิม กับให้ชำระเงินจำนวน 1,000 บาทแก่จำเลยที่ 3
โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งว่า โจทก์สร้างตาข่ายเหล็กเพื่อป้องกันการกระทำละเมิดของจำเลยทั้งสาม จำเลยที่ 3 จึงไม่มีสิทธิบังคับให้รื้อตาข่ายเหล็ก และเรียกค่าเสียหาย ขอให้ยกฟ้องแย้ง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์ และยกฟ้องแย้งจำเลยที่ 3ค่าฤชาธรรมเนียมระหว่างโจทก์และจำเลยทั้งสามให้เป็นพับ
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยทั้งสามร่วมกันรื้อกำแพงรั้วพิพาทส่วนที่ต่อเติมทั้งหมดโดยมิให้แนวกำแพงรั้วพิพาท(แนวรั้วเดิม) เสียหายและทำให้กำแพงรั้วมีสภาพเหมือนเดิม โดยค่าใช้จ่ายของจำเลยทั้งสามคำขอนอกจากนี้ให้ยกเสีย ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสองศาลให้เป็นพับ
จำเลยที่ 1 และที่ 2 ฎีกา
ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว ข้อเท็จจริงตามที่ศาลล่างทั้งสองและจำเลยที่ 1 และที่ 2 ฎีกายอมรับ ฟังเป็นยุติได้ว่า ฝ่ายจำเลยต่อเติมรั้วพิพาทเป็นกำแพงหรือผนังของอาคาร มีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยที่ 1 และที่ 2 เพียงว่าจำเลยที่ 1 มีสิทธิต่อเติมรั้วพิพาทได้หรือไม่เห็นว่า ที่ดินของโจทก์อยู่ติดกับที่ดินของจำเลยที่ 1 รั้วพิพาทเป็นรั้วกั้นแนวเขตระหว่างที่ดินของบุคคลทั้งสอง โดยโจทก์และจำเลยที่ 1 ซื้อที่ดินและทาวน์เฮาส์จากจำเลยที่ 3 ซึ่งจำเลยที่ 3 เป็นผู้สร้างขายพร้อมกับทำรั้วกั้นแนวเขตให้เช่นเดียวกับทาวน์เฮาส์หลังอื่น ๆ ที่อยู่ในแนวเดียวกันดังนั้นโจทก์และจำเลยที่ 1 จึงเป็นเจ้าของรั้วพิพาทรวมกันตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1344 การที่ฝ่ายจำเลยต่อเติมรั้วพิพาทเป็นกำแพงหรือผนังของอาคารทำให้รั้วหมดสภาพไปย่อมเป็นการขัดต่อสิทธิของโจทก์ นอกจากนั้นตามข้อบัญญัติกรุงเทพมหานครเรื่อง ควบคุมการก่อสร้างอาคาร พ.ศ. 2522 ข้อ 27 ก็ได้กำหนดไว้ว่ารั้วหรือกำแพงกั้นเขตให้ทำได้สูงเหนือระดับถนนสาธารณะไม่เกิน3 เมตร ปรากฏว่าตามภาพถ่ายหมาย จ.13 ภาพที่ 4-6 ฝ่ายจำเลยได้ต่อเติมกำแพงรั้วสูงจากระดับรั้วเดิมมาก อันเป็นการผิดต่อข้อบัญญัติกรุงเทพมหานครดังกล่าว จำเลยที่ 1 จะอ้างว่ารั้วพิพาทนอกจากใช้เพื่อเป็นแนวเขตแล้วยังสามารถใช้เป็นกำแพงหรือผนังอาคารได้ด้วยหาได้ไม่ ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยทั้งสามร่วมกันรื้อกำแพงรั้วพิพาทในส่วนที่ต่อเติมนั้นชอบแล้ว ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยฎีกาของจำเลยที่ 1 และที่ 2 ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ให้จำเลยที่ 1 และที่ 2 ร่วมกันใช้ค่าทนายความชั้นฎีกา 800 บาท แทนโจทก์

Share