แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
พ.ร.บ. ล้างมลทินในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงมีพระชนม พรรษา 60 พรรษาพ.ศ. 2530 มาตรา 4 บัญญัติให้ล้างมลทินให้แก่บรรดาผู้ต้องโทษในกรณีความผิดต่าง ๆ ซึ่งได้กระทำก่อนหรือในวันที่ 5 ธันวาคมพ.ศ. 2530 และได้พ้นโทษไปแล้วก่อนหรือในวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับโดยให้ถือว่าผู้นั้นมิได้เคยถูกลงโทษในกรณีความผิดนั้น ๆ จำเลยได้กระทำความผิดในคดีก่อนก่อนวันที่ 5 ธันวาคมพ.ศ. 2530 และได้พ้นโทษไปแล้วก่อนวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2530 ซึ่งเป็นวันที่พระราชบัญญัติดังกล่าวใช้บังคับ ดังนั้นจึงเพิ่มโทษจำเลยไม่ได้ แม้จำเลยมิได้ฎีกาในข้อนี้ แต่เป็นปัญหาที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกายกขึ้นวินิจฉัยได้.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษพ.ศ. 2522 มาตรา 4, 7, 8, 15, 66, 97, 102 ที่แก้ไขแล้วประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ขอให้เพิ่มโทษ ริบของกลาง คืนธนบัตรของกลางแก่เจ้าของ
จำเลยให้การปฏิเสธ แต่รับว่าเคยต้องโทษและพ้นโทษตามฟ้องจริง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 4, 7, 8, 15, 66, 102 ที่แก้ไขแล้วอันเป็นการกระทำผิดหลายกรรมต่างกัน เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานมียาเสพติดให้โทษเฮโรอีนไว้เพื่อจำหน่าย ลงโทษจำคุก 5 ปี ฐานจำหน่ายยาเสพติดให้โทษเฮโรอีนโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุก 5 ปี รวมจำคุก 10 ปี เพิ่มโทษฐานไม่เข็ดหลาบตามมาตรา 97 กึ่งหนึ่ง เป็นจำคุก 15 ปี คำรับสารภาพชั้นหนึ่งจับกุมเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาลดโทษให้หนึ่งในสามตามมาตรา 78 คงจำคุก10 ปี ริบเฮโรอีนของกลาง คืนธนบัตรของกลางแก่เจ้าของ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 66 วรรคหนึ่ง นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาเรียงกระทงลงโทษจำเลย ฐานมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย และจำหน่ายเฮโรอีนนั้นเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงจึงต้องห้ามตามบทกฎหมายดังกล่าว ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย แต่ในขณะที่คดีนี้อยู่ในระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์ได้มีพระราชบัญญัติล้างมลทินในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงมีพระชนมพรรษา 60 พรรษา พ.ศ. 2530ใช้บังคับ มาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติฉบับนี้บัญญัติว่าให้ล้างมลทินให้แก่ผู้ต้องโทษในกรณีความผิดต่าง ๆ ซึ่งได้กระทำก่อนหรือในวันที่5 ธันวาคม พ.ศ. 2530 และได้พ้นโทษไปแล้วก่อนหรือในวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับโดยให้ถือว่าผู้นั้นมิได้เคยถูกลงโทษในกรณีความผิดนั้น ๆ ปรากฏว่าความผิดฐานมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองที่โจทก์ถือเป็นเหตุขอให้เพิ่มโทษจำเลยนั้น จำเลยได้กระทำก่อนวันที่5 ธันวาคม พ.ศ. 2530 และได้พ้นโทษไปแล้วก่อนวันที่ 5 ธันวาคมพ.ศ. 2530 ซึ่งเป็นวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ ดังนั้นจึงเพิ่มโทษจำเลยไม่ได้ แม้จำเลยมิได้ฎีกาในข้อนี้ แต่เป็นปัญหาที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยศาลฎีกายกขึ้นวินิจฉัยได้ และที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษพ.ศ. 2522 มาตรา 15 นั้น มิได้ระบุวรรคให้ชัดเจน จึงสมควรระบุให้ชัดเจนด้วย”
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 15 วรรคแรก, 66 วรรคแรก ฐานมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายจำคุก 5 ปี ฐานจำหน่ายเฮโรอีนจำคุก 5 ปี รวมจำคุก 10 ปี จำเลยให้การรับสารภาพชั้นจับกุมเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาของศาล ลดโทษให้จำเลยหนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกจำเลย 6 ปี 8 เดือน คำขอเพิ่มโทษให้ยก นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์.