คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 317/2509

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1339 เป็นเรื่องเจ้าของที่ดินที่สูงกว่ามีสิทธิกั้นเอาน้ำไว้ใช้เพียงจำเป็นแก่ที่ดินได้ ส่วนประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย์ มาตรา 1355 เป็นเรื่องเจ้าของที่ดินริมทางน้ำหรือมีทางน้ำผ่าน ไม่มีสิทธิที่จะชักเอาน้ำไว้เกินกว่าที่จำเป็นแก่ประโยชน์ของตนตามควร ให้เป็นเหตุเสื่อมเสียแก่ที่ดินแปลงอื่นซึ่งอยู่ตามทางน้ำนั้น
จำเลยทำคันดินให้สูงขึ้นเป็นทำนบปิดลำห้วยซึ่งเป็นทางน้ำสาธารณะตอนเหนือนาโจทก์ ปิดตาย ไม่ยอมให้น้ำไหลไปตามธรรมชาติได้เลย เป็นเหตุให้ตอนใต้ทำนบน้ำแห้ง โจทก์ทำนาไม่ได้ การกระทำของจำเลยปรับเข้าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1355 และเป็นการกระทำที่ถือไม่ได้ว่าเป็นการชักเอาน้ำไว้ การกระทำเช่นนี้จำเลยไม่มีสิทธิที่จะทำได้จึงเป็นการละเมิดต่อโจทก์

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้ง ๑๓ คน ได้ทำคันดินสูงขึ้นเป็นทำนบ และขุดเหมืองลึกเท่าท้องห้วย ระบายน้ำในห้วยไปสู่นาจำเลยซึ่งเป็นที่สูง จำเลยปิดทางน้ำสาธารณะตอนเหนือนาโจทก์ปิดตาย ไม่ยอมให้น้ำไหลไปตามลำห้วยตามธรรมชาติ การกระทำของจำเลยทำให้โจทก์เสียหาย ขอให้ศาลบังคับให้จำเลยใช้ค่าเสียหาแก่โจทก์ และให้จำเลยรื้อถอนคันดินที่จำเลยทำขึ้น
จำเลยที่ ๖,๗,๘,๑๑ และ ๑๒ ให้การปฏิเสธ อ้างว่าจำเลยที่ ๑ เป็นผู้ขุดทำนบ เฉพาะจำเลยที่ ๑,๒,๓,๔,๕,๙,๑๐ และ ๑๓ ให้การต่อไปว่า ทำนบที่จำเลยทำเป็นทำนบสาธารณะ จำเลยปิดกั้นเพื่อเอาน้ำไปทำนาเท่านั้น ค่าเสียหายโจทก์ฟ้องมากเกินควร
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยมีสิทธิกั้นทำนบเพื่อประโยชน์ขอบจำเลยเท่าที่จำเป็น มิได้ทำเกินความจำเป็นที่จะแกล้งโจทก์ พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๓๓๙ เจ้าของที่ดินที่สูงกว่ามีสิทธิกั้นเอาน้ำไว้ใช้เพียงจำเป็นแก่ที่ดินได้ ส่วนประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา ๑๓๕๕ เป็นเรื่องเจ้าของที่ดินริมทางน้ำหรือมีทางน้ำผ่าน ไม่มีสิทธิที่จะชักเอาน้ำไว้เกินกว่าที่จำเป็นแก่ประโยชน์ของตนตามควร ให้เป็นเหตุเสื่อมเสียแก่ที่ดินแปลงอื่นซึ่งอยู่ตามทางน้ำนั้น ข้อเท็จจริงปรากฏว่า น้ำที่ไหลไม่ได้ไหลผ่านบนที่ดินของจำเลย แต่ไหลมาตามห้วยสาธารณะ ที่นาของจำเลยเป็นเพียงที่นาริมลำห้วยสาธารณะ จึงต้องปรบบทเข้าประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๓๕๕ การกระทำของจำเลยเป็นการกระทำที่ถือไม่ได้ว่าเป็นการชักเอาน้ำไว้ เพราะจำเลยปิดตายไม่ให้น้ำไหลผ่านไปยังที่นาโจทก์ซึ่งอยู่ตามทางน้ำนั้นได้ การกระทำเช่นนี้จำเลยไม่มีสิทธิที่จะทำได้ การกระทำของจำเลยจึงเป็นการละเมิดต่อโจทก์
พิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้จำเลยใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์ และให้จำเลยรื้อถอนทำนบที่ทำไว้ ให้ลำห้วยตอนนั้นคงสภาพเดิมด้วย.

Share