แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ข้อเท็จจริงปรากฏว่าโจทก์เป็นฝ่ายนำสืบพยานก่อน เมื่อสืบพยานโจทก์เสร็จ ศาลแรงงานกลางได้เลื่อนไปสืบพยานจำเลยนัดหน้า เมื่อถึงกำหนดนัด ทนายโจทก์มาศาล ส่วนจำเลยทราบนัดโดยชอบแล้วไม่มาศาลโดยไม่แจ้งเหตุขัดข้องและไม่มีพยานจำเลยมาศาล ศาลแรงงานกลางจึงถือว่าจำเลยไม่ติดใจสืบพยานและมีคำพิพากษาไปในวันดังกล่าว กรณีนี้จึงไม่ใช่กรณีที่ศาลมีคำพิพากษาให้คู่ความฝ่ายที่ขาดนัดหรือขาดนัดพิจารณาแพ้คดี แต่เป็นกรณีที่ศาลได้พิพากษาชี้ขาดไปตามรูปเรื่องที่ปรากฏในคำฟ้องคำให้การและพยานโจทก์ ดังนี้ จำเลยจึงไม่อาจขอให้พิจารณาคดีใหม่ได้ จำเลยชอบที่จะใช้สิทธิอุทธรณ์คำพิพากษาต่อไป
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงินค่าล่วงเวลาจำนวน 1,500 บาท เงินประกันการทำงานจำนวน 2,500 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี จากต้นเงินดังกล่าวนับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ และให้จำเลยชำระเงินค่าเปอร์เซ็นต์การขายจำนวน 4,875 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี จากต้นเงินดังกล่าวนับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ จำเลยให้การต่อสู้คดี ขอให้ยกฟ้อง ในวันนัดสืบพยานโจทก์ ศาลแรงงานกลางได้สืบพยานโจทก์เสร็จสิ้น แล้วเลื่อนไปนัดสืบพยานจำเลยในวันที่ 28 กันยายน 2547 เวลา 9 นาฬิกา เมื่อถึงวันนัดสืบพยานจำเลย จำเลยไม่มาศาล ศาลแรงงานกลางจึงถือว่าจำเลยไม่ติดใจสืบพยานแล้วมีคำพิพากษาในวันดังกล่าวให้จำเลยชำระเงินค่าล่วงเวลาจำนวน 1,500 บาทและเงินประกันจำนวน 2,500 บาท แก่โจทก์ พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปีนับแต่วันฟ้อง (วันที่ 20 พฤษภาคม 2547) เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ และให้จำเลยชำระเงินค่าเปอร์เซ็นต์จากการขายน้ำจำนวน 4,875 บาท แก่โจทก์ พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยยื่นคำร้องขอให้มีคำสั่งไต่สวนคำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่ และนัดสืบพยานจำเลยต่อไป
ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งว่า จำเลยขอให้พิจารณาคดีใหม่ไม่ได้เนื่องจากศาลถือว่าจำเลยไม่มีพยานมาสืบ ให้ยกคำร้อง
จำเลยอุทธรณ์คำสั่งต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของจำเลยว่า จำเลยมีสิทธิขอให้พิจารณาคดีใหม่หรือไม่ ข้อเท็จจริงปรากฏว่าโจทก์เป็นฝ่ายนำสืบพยานก่อน เมื่อสืบพยานโจทก์เสร็จศาลแรงงานกลางได้เลื่อนไปสืบพยานจำเลยนัดหน้า เมื่อถึงกำหนดนัด ทนายโจทก์มาศาล ส่วนจำเลยทราบนัดโดยชอบแล้วไม่มาศาลโดยไม่แจ้งเหตุขัดข้องและไม่มีพยานจำเลยมาศาล ศาลแรงงานกลางจึงถือว่าจำเลยไม่ติดใจสืบพยานและมีคำพิพากษาไปในวันดังกล่าว เห็นว่า การที่ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้จำเลยแพ้คดีและจ่ายเงินตามคำขอของโจทก์โดยถือว่าจำเลยไม่มีพยานมาสืบนั้น ไม่ใช่กรณีที่ศาลมีคำพิพากษาให้คู่ความฝ่ายที่ขาดนัดหรือขาดนัดพิจารณาแพ้คดี แต่เป็นกรณีที่ศาลได้พิพากษาชี้ขาดไปตามรูปเรื่องที่ปรากฏในคำฟ้องคำให้การและพยานโจทก์ ดังนี้ จำเลยจึงไม่อาจขอให้พิจารณาคดีใหม่ได้ กรณีดังกล่าวจำเลยชอบที่จะใช้สิทธิอุทธรณ์คำพิพากษาต่อไป ที่ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งยกคำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่ของจำเลยชอบแล้ว อุทธรณ์ของจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน.